วันเสาร์ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2553

สภากาชาดไทยจัดอบรมหลักสูตรการเตรียมความพร้อมสู่การเป็นผู้บริหาร


สำนักงานการเจ้าหน้าที่ สภากาชาดไทย จัดอบรมหลักสูตร การเตรียมความพร้อมสู่การเป็นผู้บริหาร รุ่นที่ 2 (Supervisor Skill Development Program- SSD2) ขึ้นระหว่างวันที่ 17-20, 24-27 พฤษภาคม 2553 ณ ห้องประชุม 2 -3 อาคารเฉลิม บูรณะนนท์ ชั้น 4


หลักสูตรนี้เพื่อเป็นการสร้างและพัฒนาผู้บริหารสภากาชาดไทย ตามระดับชั้นของการบริหาร ให้มีความรู้ ความเข้าใจหลายด้าน เพื่อที่จะทำให้การบริหารจัดการองค์กร ตลอดจนการให้บริการประชาชน ที่เป็นภารกิจหลักของสภากาชาดไทย เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้การจัดหลักสูตรนี้เพื่อต้องการสร้างผู้บริหารที่มีคุณลักษณะเฉพาะของสภากาชาดไทย คือเป็นผู้ที่มีคุณธรรม จริยธรรม ซื่อสัตย์ สุจริต ยึดมั่นในหลักการกาชาด 7 ประการ เข้าใจรากฐานความเป็นมาของ "กาชาด" อย่างลึกซึ้ง และมีบุคลิกภาพเป็นผู้นำ มีมนุษยสัมพันธ์ และมีเครือข่ายที่ดีทั้งภายใน และภายนอกองค์กร


การจัดหลักสูตรครั้งนี้ ใช้วิธีการอบรม การบรรยาย การจัดอบรมเชิงปฏิบัติการ การฝึกปฏิบัติ มีบุคลากรที่มีคุณสมบัติตามกำหนด จำนวน 27 คน เข้ารับการอบรมในครั้งนี้

วันศุกร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2553

ขยายเวลารับบริจาคโลหิตในหน่วยเคลื่อนที่

เนื่องจากการเดินทางมาบริจาคโลหิตที่ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ ไม่สะดวก ด้วยเหตุการณ์ทางการเมืองในปัจจุบัน สภากาชาดไทยจึงขอเชิญชวนให้ผู้ที่ต้องการบริจาคโลหิต และอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับหน่วยเคลื่อนที่รับบริจาคโลหิต ซึ่งได้มีการขยายเวลารับบริจาคโลหิต ท่านสามารถไปบริจาคได้ในสถานที่ดังต่อไปนี้คือ
24 เมย. 53 สวนจตุจักร* 10.00- 17.00 น /ห้างสรรพสินค้า Big C แฟชั่นไอซ์แลนด์ ถนนรามอินทรา* 11.30 - 17.30 น./เดอะมอลล์ บางแค ชั้น P เวลา 12.00 - 18.00 น./ ชุมชนหมู่บ้านประชาชื่น ถนนสามัคคี เวลา 16.00 20.00 น.
25 เมย. 53 วัดสังฆราชา ถนนอ่อนนุช เวลา 09.00 - 15.00 น. / สวนจตุจักร* เวลา 10.00 - 17.00 น./ห้างสรรพสินค้า Big C สาขาพระราม 2* เวลา 11.30 - 17.30 น. / ห้างสรรพสินค้าตั้งฮั่วเส็ง ธนบุรี ถนนสิรินธร* เวลา 11.30 - 17.30 น/ เดอะมอลล์ บางแค ชั้น P เวลา 12.00 - 18.00 น.
หมายเหตุ * คือหน่วยรับบริจาคโลหิตที่ขยายเวลารับบริจาคโลหิตเฉพาะกิจ
ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อ โทร 0 2256 4300, 0 2263 9600-99 ต่อ 1101 หรือติดต่อศูนย์บริการข้อมูลทางโทรศัพท์ สภากาชาดไทย โทร 1664

ท่านติดตามรายละเอียดการออกหน่วยเคลื่อนที่รับบริจาคโลหิตล่วงหน้าได้ที่ www.redcross.or.th หรือ www.blooddonationthai.com

วันจันทร์ที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2553

มหกรรมสาดน้ำ(ใจ)ด้วยการบริจาคโลหิต



ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย เชิญชวนทุกท่านที่มีสุขภาพพร้อมเป็นผู้บริจาคโลหิต อายุ 17 ปีขึ้นไป สุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง ไม่มีโรคประจำตัวใดๆ ทั้งสิ้น น้ำหนัก 45 กิโลกรัมขึ้นไป มาร่วมมหกรรมสาดน้ำ (ใจ) ด้วยการบริจาคโลหิต ช่วงสงกรานต์ ระหว่างวันที่ 10-18 เมษายน 2553 ผู้บริจาคโลหิตในช่วงนี้ จะได้รับเสื้อT-shirt " I love Donor" ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมที่ 0 22639600

กาชาดวอนบริจาคเลือดช่วงหยุดสงกรานต์ คาดวิกฤตเลือดสำรองขาดแคลน

ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย วอนประชาชนบริจาคโลหิตให้ผู้ป่วยในช่วงวันหยุดสงกรานต์ 12-18 เมษายน 2553 เนื่องจากขณะนี้มีโลหิตสำรองคงคลังเพียง 300 ยูนิตเท่านั้น นาวาโทหญิงแพทย์หญิงอุบลวัณณ์ จรูญเรืองฤทธิ์ รองผู้อำนวยการศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ รักษาการแทนผู้อำนวยการฯ เปิดเผยว่า เนื่องจาก ขณะนี้ ( 12 เมษายน 2553) โลหิตสำรองคงคลังลดต่ำลงมาก มีเพียงแค่ 300 ยูนิตเท่านั้น ทั้งนี้ ศูนย์บริการโลหิตฯ จะต้องจัดหาโลหิตให้ได้วันละ 1,500 ยูนิต จึงจะเพียงพอสำหรับผู้ป่วย แต่ในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมามีผู้มาบริจาคโลหิตลดลงไม่ถึง 1,000 ยูนิต และหากสถานการณ์รับบริจาคโลหิตยังคงเป็นเช่นนี้ จะทำให้โลหิตสำรองในคลังไม่เพียงพอสำหรับผู้ป่วยทั่วไป และในกรณีฉุกเฉินต้องการโลหิตอย่างเร่งด่วน จำนวนมาก จึงขอเชิญชวนผู้บริจาคโลหิตที่มีอายุตั้งแต่ 17 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป – 70 ปี ( สำหรับผู้ที่จะบริจาคโลหิตครั้งแรก ต้องมีอายุไม่เกิน 55 ปี ) น้ำหนักตัวตั้งแต่ 45 กิโลกรัมขึ้นไป และต้องมีสุขภาพแข็งแรงพร้อมที่จะบริจาคโลหิต นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อย 6 ชั่วโมง สามารถติดต่อบริจาคโลหิตได้ที่ ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ ถนนอังรีดูนังต์ วันที่ 12 เมษายน 2553 ยังคงเปิดรับบริจาคโลหิตตามปกติ ตั้งแต่เวลา 08.30-16.30 น. และออกหน่วยเคลื่อนที่รับบริจาคโลหิตไปที่ สถานีกาชาด 11 “วิเศษนิยม” บางแค รับบริจาคโลหิตตั้งแต่เวลา 09.00-15.00 น. , มหาวิทยาลัยรามคำแหง หัวหมาก เวลา 10.00-15.00 น. และเดอะมอลล์ บางแค เวลา 12.00-18.00 น. สำหรับในช่วงวันหยุดสงกรานต์ ตั้งแต่ 13 - 18 เมษายน 2553 ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ ถ. อังรีดูนังต์ เปิดรับบริจาคโลหิต เวลา 08.30-15.30 น. พร้อมทั้งมอบ เสื้อยืดที่ระลึกให้แก่ผู้มาบริจาคโลหิตทุกท่าน สอบถามโทร. 0 2256 4300

วันศุกร์ที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2553

ชุมนุมอาสายุวกาชาดด้านปฐมพยาบาล(First Aid RCY Volunteers Gathering 2010)

จากเหตุการณ์คลื่นยักษ์สึนามิถล่มบริเวณชายฝั่งอันดามัน เมื่อปลายปี 2547 บทเรียนหนี่งที่คนไทยได้รับคือความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ ทั้งทรัพย์สินและชีวิตผู้คนเป็นจำนวนมาก
เมื่อได้เรียนรู้จากประสบการณ์ครั้งนั้นแล้ว การเตรียมรับภัยที่อาจเกิดซ้ำรอยขึ้นอีกจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง สำนักงานยุวกาชาด สภากาชาดไทยได้ดำเนินโครงการพัฒนาอาสายุวกาชาดด้านปฐมพยาบาล ในพื้นที่ 6 จังหวัดประสบภัยสึนามิ โดยความร่วมมือสนับสนุนจากสหพันธ์สภากาชาดและสภาเสี้ยววงเดือนแดงระหว่างประเทศ กาชาดอเมริกันและสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) มาตั้งแต่ปี 2548 นับตั้งแต่บัดนั้น สำนักงานยุวกาชาดได้ให้การอบรมแก่ผู้บริหารและครู กศน.ใน จังหวัด กระบี่ ระนอง พังงา สตูล ภูเก็ต และตรัง กว่า 100 คนให้เป็นวิทยากรแกนนำด้านปฐมพยาบาลเพื่อส่งต่อความรู้และทักษะสู่เยาวชนในความดูแลให้เป็นอาสายุวกาชาดด้านปฐมพยาบาล(First Aid Team) ซึ่งขณะนี้มีจำนวนกว่า 3000 คน
ณ วันนี้ โครงการพัฒนาอาสายุวกาชาดด้านปฐมพยาบาล ในพื้นที่ 6 จังหวัดประสบภัยสึนามิได้เดินทางมาถึงโค้งสุดท้ายปลายโครงการฯแล้ว ด้วยความภาคภูมิใจที่ได้มีส่วนสร้างภูมิคุ้มกันภัยให้แก่พื้นที่ที่เคยผ่านความสูญเสีย ด้วยการสร้างเครือข่ายอาสายุวกาชาดด้านปฐมพยาบาลที่สามารถเป็นที่พึ่งพาได้ ให้ชุมชนแข็งแรง


มีความพร้อมทั้งในยามปกติ และเมื่อเกิดภัยพิบัติ สำนักงานยุวกาชาดจึงได้จัด “งานชุมนุมอาสายุวกาชาดด้านปฐมพยาบาล ในพื้นที่ 6 จังหวัดประสบภัยสึนามิ” ขึ้น
ระหว่างวันที่ 28-31 มีนาคม 2553 ณ โรงแรมเดอะแกรนด์ เอ็ม พี รีสอร์ท อ.เมือง จ.ตรัง ด้วยการเปิดเวทีให้อาสายุวกาชาดที่ผ่านการอบรมด้านปฐมพยาบาลอย่างเข้มข้นมาแล้ว ได้มาแสดงความรู้และทักษะด้วยการแข่งขันปฐมพยาบาลให้เป็นที่ประจักษ์แก่สายตาสาธารณชน และหน่วยงานที่ต้องการให้อาสายุวกาชาดเหล่านี้ไปช่วยเสริมภารกิจให้เกิดประสิทธิภาพยิ่งขึ้นอีกด้วย โดยการแข่งขันปฐมพยาบาลซึ่งจะจัดขึ้นที่ “สวนสาธารณะสมเด็จพระบรมราชชนนี” อ.เมือง จ.ตรัง ตั้งแต่เวลา 09.00-16.00 น.
การมาร่วมงานชุมนุมของเหล่าอาสายุวกาชาดด้านปฐมพยาบาลจาก 41 อำเภอใน 6 จังหวัดประสบภัยครั้งนี้ นอกจากจะได้มาแสดงความรู้และทักษะด้านปฐมพยาบาลแล้ว ยังจะได้ร่วมกิจกรรม Walk Rally ซึ่งเป็นกิจกรรมที่จะช่วยปลูกฝังความรู้เรื่ององค์กรกาชาดและกาชาดไทยให้อาสายุวกาชาดได้เข้าใจในอุดมการณ์ของการชาด และเกิดจิตอาสา อุทิศตนเพื่อช่วยภารกิจของสภากาชาดไทยและสังคมอย่างเต็มที่ เต็มใจ รวมทั้งจะได้ร่วมกิจกรรมการซ้อมแผนการช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเหตุการณ์ต่างๆซึ่งจัดควบคู่ไปกับการแข่งขันปฐมพยาบาลอีกด้วย ในงานชุมนุมฯครั้งนี้ จึงเป็นการชุมนุมของเหล่าอาสายุวกาชาดด้านปฐมพยาบาล วิทยากรปฐมพยาบาลและผู้บริหารจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กว่า 1,000 คน

ดีพลัดเทรดดิ้ง มอบเงินช่วยผู้ประสบภัยเฮติ


นายอมรศักดิ์ เเดงเเสงทอง รองประธานฝ่ายการตลาด บริษัท ดีพลัดเทรดดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด มอบเงินจำนวนเงิน 10,113.25 บาท เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยเเผ่นดินในเฮติ โดยมี นางนวลจันทร์ จงสวัสดิ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักงานการคลัง เป็นผู้รับมอบ ณ สำนักงานการคลัง ตึกอำนวยนรธรรม สภากาชาดไทย

โรคพิษสุนัขบ้า

ช่วงนี้เป็นช่วงฤดูร้อน โรคที่หนีไม่พ้นที่เตือนให้ระวังกันทุกปี คือ โรคพิษสุนัขบ้า จากข่าวและเหตุการณ์ที่มีให้เห็นบ่อยๆ เนื่องจาก โรคพิษสุนัขบ้าสามารถทำให้ผู้ที่ถูกกัดเสียชีวิตได้ มีอันตรายหรือความน่ากลัวอย่างไรบ้าง ก่อนอื่น มารู้จักกันว่าโรคพิษสุนัขบ้าหรือโรคกลัวน้ำ คืออะไร โรคพิษสุนัขบ้า เป็นโรคที่ร้ายแรงโรคหนึ่ง เกิดจากเชื้อไสรัสชื่อ เรบีส์ ไวรัส ทำให้เกิดโรคได้ในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทุกชนิด เช่น คน สุนัข แมว ลิง ชะนี กระรอก ค้างคาว เมื่อเป็นแล้วจะทำให้มีอาการทางประสาท โดยเฉพาะระบบประสาทส่วนกลาง และทำให้เสียชีวิตทุกราย และในปัจจุบันยังไม่มียารักษาโรคพิษสุนัขบ้าได้คนที่เป็นโรคพิษสุนัขบ้า เนื่องจากได้รับเชื้อพิษสุนัขบ้าจากสัตว์ที่เป็นโรค ซึ่งสามารถติดได้ 2 ทาง คือ 1. ถูกสัตว์ที่เป็นโรคกัด เชื้อไวรัสจากน้ำลายของสัตว์ที่เป็นโรคจะเข้าสู่ร่างกายทางบาดแผลที่ถูกกัด 2. ถูกสัตว์ที่เป็นโรคเลีย โดยปกติถูกสัตว์ที่เป็นโรคเลียจะไม่ติดโรคจากสัตว์เหล่านั้น นอกเสียจากว่าบริเวณที่ถูกเลียจะมีบาดแผล หรือรอยถลอก ขีดข่วน โดยคนนั้นไม่ได้สังเกต ในกรณีนี้จะทำให้สามารถเป็นโรคพิษสุนัขบ้าได้ รวมทั้งถูกเลียที่ริมฝีปาก หรือนัยน์ตาคนที่เป็นโรคพิษสุนัขบ้า จะมีอาการ ในระยะ 2-3 วันแรก อาจมีไข้ต่ำๆ ต่อไปจะมีอาการเจ็บคอ เบื่ออาหาร อ่อนเพลีย คันหรือปวดแสบปวดร้อนตรงบริเวณแผลที่ถูกกัด ทั้งๆ ที่แผลอาจหายเป็นปกติแล้ว ต่อไปจะมีอาการตื่นเต้นง่าย กระสับกระส่าย ไม่ชอบแสงสว่าง ไม่ชอบลมและเสียงดัง กลืนลำบาก แต่ยังมีสติพูดจารู้เรื่อง และสุดท้ายจะมีอาการชัก เป็นอัมพาต หมดสติและเสียชีวิต เนื่องจากส่วนที่สำคัญของสมองถูกทำลายไปหมดข้อควรปฏิบัติภายหลังถูกสุนัขบ้ากัด หรือสัตว์ที่สงสัยว่าบ้ากัด1. ล้างแผลทันทีด้วยน้ำสะอาด ฟอกสบู่ 2-3 ครั้ง แล้วทาแผลด้วยน้ำยาพีวีดีน (เบตาดีน) หรือแอลกอฮอล์ หรือทิงเจอร์อโอดีน แล้วไปพบแพทย์ทันที2. ถ้าสุนัขตายให้นำซากมาตรวจ ถ้าหากสุนัขไม่ตายให้ขังไว้ดูอาการ 10 วัน ขณะเดียวกันให้รีบไปฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า ส่วนการรักษาทางสมุนไพรหรือแพทย์แผนโบราณไม่สามารถป้องกันโรคได้ ไม่ควรรอดูอาการสุนัข เพราะอาจสายเกินไปที่จะฉีดวัคซีน3. ในกรณีที่ติดตามสัตว์ที่กัดไม่ได้ เช่น เป็นสัตว์ป่า สัตว์จรจัด สัตว์กัดแล้วหนีไปหรือจำสัตว์ที่กัดไม่ได้ จำเป็นต้องรับการฉีดวัคซีน4. ผู้ที่ต้องมารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า คือ มีบาดแผล ไม่ว่าจะเป็นรอยช้ำเขียว หรือมีเลือดไหล แผลถลอก หรือแผลลึก รวมทั้งผู้ที่ถูกสุนัขเลียที่นัยน์ตา ริมฝีปากและผิวหนังที่มีแผลถลอก ส่วนในกรณีที่ถูกเลียผิวหนังที่ไม่มีแผล หรือเพียงแต่อุ้มสุนัขไม่สามารถจะติดโรคได้

วันพฤหัสบดีที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2553

วิทยาลัยพยาบาลสภากาชาดไทยจัดประชุมวิชาการเนื่องในโอกาสครบรอบ 96 ปี

วิทยาลัยพยาบาลสภากาชาดไทย ขอเชิญพยาบาล ศิษย์เก่าพยาบาลและประชาชนผู้สนใจเข้าร่วมประชุมวิชาการ เนื่องในโอกาสครบรอบ 96 ปี วิทยาลัยพยาบาลสภากาชาดไทย เรื่อง "มิติจิตวิญญาณเพื่อดุลยภาพแห่งชีวิต" ระหว่างวันที่ 14-16 มิถุนายน 2553 ณ โรงแรมตวันนา กรุงเทพฯ หลักสูตรในการประชุมนี้ได้รับการรับรองหน่วยคะแนนการศึกษาต่อเนื่อง สาขาการพยาบาลศาสตร์ (CNEU) จากสภาการพยาบาล ติดต่อขอรายละเอียดเพิ่มเติมที่ ศูนย์การศึกษาต่อเนื่อง วิทยาลัยพยาบาลสภากาชาดไทย โทรศัพท์ 0 2256 4092-9 ต่อ 414 หรือ ดาวน์โหลดแบบฟอร์มใบสมัคร จาก http://www.trcn.ac.th