วันเสาร์ที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2553

สภากาชาดไทยเตรียมแผนปฏิบัติการประจำปี 2555 ทุกหน่วยงานต้องบูรณาการเพื่อส่งต่อเป้าหมายผลผลิตให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์


เมื่อเร็วๆนี้ สภากาชาดไทย โดยสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ สำนักงานบริหาร สภากาชาดไทย จัดให้มีการประชุมหารือขั้นตอนการเจรจาเป้าหมาย ของผลผลิตสภากาชาดไทย เพื่อจัดทำแผนปฏิบัติการประจำปีงบประมาณ 2555 ขึ้น โดยมีผู้บริหาร คณะทำงานยุทธศาสตร์และแผนฯ และเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานด้านแผนและงบประมาณของสภากาชาดไทย จำนวน 106 คน เข้าร่วมรับฟัง ณ ห้องประชุมศิริ สิริโยธิน อาคารเฉลิม บูรณะนนท์ ชั้น 4 โดย ผู้ช่วยเลขาธิการสภากาชาดไทยฝ่ายจัดการทรัพย์สิน นายประวิทย์ คล่องวัฒนกิจ เป็นประธานเปิดประชุม ซึ่งการจัดประชุมดังกล่าว เพื่อให้เป็นไปตามกระบวนการพัฒนาระบบบริหารจัดการด้านงบประมาณและแผนตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการที่เกี่ยวข้อง กับการทำแผนปฏิบัติการ สภากาชาดไทย

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. วีรสิทธิ์ สิทธิไตรย์ ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ สำนักงานบริหาร สภากาชาดไทย ได้กล่าวถึงความสำคัญในการประชุมครั้งนี้ว่า การทำแผนปฏิบัติงานในปีงบประมาณ 2555 สภากาชาดไทยมุ่งสู่การบูรณาการ การทำงานร่วมกัน ซึ่งจะส่งต่อผลผลิตของสภากาชาดไทย ดังนั้นขั้นตอนแรกที่ต้องดำเนินการเพื่อให้ สามารถจัดทำแผนและงบประมาณ แบบมุ่งเน้นผลงานตามยุทธศาสตร์อย่างแท้จริง นอกจากจะทบทวนผลการดำเนินงานที่ผ่านมาแล้ว การเจรจาเป้าหมายของผลผลิตสภากาชาดไทยที่หน่วยงานจะนำส่งมีความสำคัญ โดยจะเป็นการเจรจาก่อนที่หน่วยงานจะดำเนินการจัดทำแผนปฏิบัติการประจำปี 2555 ซึ่งผลที่ได้รับคือ ผลงานของหน่วยงานที่จะนำส่ง เป็นผลผลิตตามยุทธศาสตร์ของสภากาชาดไทยโดยตรง โครงการที่หน่วยงานจัดทำ ทั้งที่เป็นโครงการพัฒนา หรือเป็นงานประจำ จะมุ่งเน้นให้เกิดผลผลิตตามที่ได้มีการเจรจาตกลงกันไว้ งบประมาณที่เสนอไปและได้รับมาจะมาสนับสนุนโครงการพัฒนา และงานประจำที่มุ่งเน้นให้เกิดผลผลิตตามที่ได้ตกลงไว้ อีกทั้งงบประมาณที่ได้รับของแผนปฏิบัติงานฉบับขาขึ้นและขาลง จะใกล้เคียงกัน ดังนั้นการประชุมครั้งนี้เพื่อรับทราบขั้นตอนการเจรจาและทำแผนปฏิบัติงาน นับแต่วันที่จัดประชุมไป สำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ จะใช้เวลา30 วันให้เสร็จกระบวนการทั้งหมดในการทำแผนปฏิบัติงานประจำปี 2555 โดยให้หน่วยงานนัดหมายช่วงการเจรจา และส่งแผนปฏิบัติงานของหน่วยงานให้เสร็จสิ้นภายใน 26 พฤศจิกายน 2553 หลังจากนั้นสำนักนโยบายฯ จะทำการรวบรวม วิเคราะห์ ปรับปรุง และสรุปร่างแผนปฎิบัติการทั้งหมด เพื่อหารือเรื่องงบประมาณกับสำนักงานการคลังต่อไป สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ สภากาชาดไทย โทร 0 2251 7858-9 ต่อ 2115 หรือ psd [dot] trc [at] gmail [dot] com

วันเสาร์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2553

11 กันยายน 2553 วันปฐมพยาบาลโลก


องค์การกาชาดสากล กำหนดให้วันเสาร์ที่ 2 ของเดือนกันยายน ของทุกปี เป็นวัน ปฐมพยาบาลโลก (World First Aid Day) เพื่อรณรงค์ให้ประชาชนมีความรู้ ความเข้าใจด้านการปฐมพยาบาลและพัฒนาต่อเนื่อง จนมีความสามารถ มีความมั่นใจในการปฐมพยาบาลอย่างถูกวิธี โดยองค์การกาชาดสากล ตั้งเป้าหมายไว้ว่า ความรู้เรื่องการปฐมพยาบาลควรเข้าถึงประชาชนทุกกลุ่ม และควรจัดให้มีการฝึกอบรมด้านการปฐมพยาบาลอย่างต่อเนื่องและครอบคลุมทุกพื้นที่ โดยเฉพาะในแต่ละครอบครัวควรมีมีผู้ที่มีความรู้เรื่องการปฐมพยาบาลอย่างน้อย 1 คน และมุ่งเน้นไปในครอบครัวที่มีผู้ป่วยโรคหัวใจ มีผู้สูงอายุ หรือมีผู้พิการอยู่ในบ้าน

สำหรับสภากาชาดไทย ได้ให้ความสำคัญในเรื่องการปฐมพยาบาลมาโดยตลอด โดยจัดให้มีการฝึกอบรมให้ความรู้เรื่องการปฐมพยาบาลกับอาสาสมัคร ประชาชน และเยาวชน โดยให้ศูนย์ฝึกอบรมปฐมพยาบาลและสุขภาพอนามัยสภากาชาดไทย สำนักงานอาสากาชาด สำนักงานยุวกาชาด และสำนักงานบรรเทาทุกข์และประชานามัยพิทักษ์ จัดอบรมและทำเป็นหลักสูตรสำหรับผู้ที่เข้ามาเป็นอาสาสมัครของสภากาชาดไทย

และวันปฐมพยาบาลโลกปีนี้ ซึ่งตรงกับวันที่ 11 กันยายน 2553 สภากาชาดไทย ขอเชิญชวนประชาชนทุกคน ได้ตระหนักถึงความสำคัญเรื่องการปฐมพยาบาล โดยทุกครัวเรือนควรมีผู้ได้รับการฝึกการอบรมอย่างน้อย 1 คน ผู้ที่สนใจเข้ารับการฝึกอบรมปฐมพยาบาล สามารถสอบถามได้ที่ศูนย์บริการข้อมูลทางโทรศัพท์สภากาชาดไทย หมายเลข 1664 หรือ ติดต่อศูนย์ฝึอบรมปฐมพยาบาล ฯ หมายเลข 0 22564041-2

สภากาชาดไทยจับมือสภากาชาดอิตาลี ทำโครงการเสริมสร้างความสัมพันธ์ภายในครอบครัวผู้ติดเชื้อเอชไอวี (Mom Tells…Mom Loved)


สภากาชาดไทย โดยศูนย์วิจัยโรคเอดส์ ร่วมกับ สภากาชาดอิตาลี จัดทำโครงการเสริมสร้างสัมพันธภาพภายในครอบครัว เพื่อเตรียมความพร้อมในการเปิดเผยผลเลือดเอชไอวีของพ่อแม่ลูกในครอบครัวที่ได้รับผลกระทบจากเอชไอวี ใช้ชื่อโครงการว่า Mom Tells….Mom Loved ตลอดระยะเวลาโครงการ 2 ปีครึ่ง ตั้งแต่ กรกฎาคม 2553-ธันวาคม 2555 กลุ่มเป้าหมายคือผู้ติดเชื้อเอชไอวี และสมาชิกครอบครัวที่ได้รับผลกระทบจากโรคเอดส์ ของศูนย์วิจัยโรคเอดส์ สภากาชาดไทย และโรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา ประมาณ 400 ครอบครัว (800 คน) และอาสาสมัครที่ได้รับการฝึกอบรมทักษะการสื่อสารในครอบครัวผู้ติดเชื้อ และภาคีเครือข่ายดูแลรักษาครอบครัวผู้ติดเชื้ออีก 800 คน โดยใช้งบประมาณสนับสนุนจากสภากาชาดอิตาลีมากกว่า 4 ล้านบาท ทั้งนี้ได้จัดให้มีการลงนามบันทึกข้อตกลงการให้ความร่วมมือขึ้น ระหว่าง นายแผน วรรณเมธี เลขาธิการสภากาชาดไทย และ Mr. Pino Ungaro ผู้แทนสภากาชาดอิตาลี ในวันจันทร์ที่ 13 กันยายน 2553 เวลา 10.00 น ณ ห้องประชุมเล็กชั้น 9 อาคารเทิดพระเกียรติสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ ถนนอังรีดูนังต์

ศาสตราจารย์กิตติคุณนายแพทย์ประพันธ์ ภาณุภาค ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยโรคเอดส์ สภากาชาดไทย ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับโครงการ Mom Tells…Mom Loved ไว้ว่าปัญหาการบอกผลเลือดเอชไอวีของผู้ติดเชื้อต่อสมาชิกในครอบครัวเป็นเรื่องยาก สร้างแรงกดดันให้กับผู้ติดเชื้อที่ต้องเผชิญปัญหาคนเดียวมานาน แต่ปัจจุบันทั้งในและต่างประเทศ ได้มีการศึกษาวิจัยเพื่อพัฒนากระบวนการเตรียมความพร้อม และการสื่อสารภายในครอบครัวเพื่อเปิดเผยผลเลือดเอชไอวีของพ่อแม่ลูก ด้วยเหตุนี้ สภากาชาดไทย โดยศูนย์วิจัยโรคเอดส์ ร่วมกับภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดทำโครงการเสริมศักยภาพในการพัฒนาทักษะการสื่อสารและพัฒนาคุณภาพชีวิตของพ่อแม่ลูก ในครอบครัวที่ได้รับผลกระทบจากเอชไอวี โดยการทำกิจกรรมกลุ่มสัมพันธ์และกิจกรรมค่ายสัมพันธ์ในการส่งเสริมทักษะในการสื่อสารระหว่างครอบครัว เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตครอบครัวผู้ติดเชื้อเอชไอวีให้ดีขึ้นเป็นเวลา 1 ปี และติดตามผลอย่างต่อเนื่องทุก 3 เดือน เพื่อให้ได้กระบวนการ รูปแบบ วิธีการการเตรียมความพร้อมครอบครัวที่ต้องรับรู้การติดเชื้อเอชไอวี และรู้วิธีที่จะใช้ชีวิตเช่นบุคคลทั่วไป เป็นเบื้องต้น ก่อนจะเริ่มเข้าสู่ โครงการ Mom Tells…Mom Loved ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างสภากาชาดไทย และสภากาชาดอิตาลี โดยมีกลุ่มเป้าหมายคือครอบครัวที่คัดเลือกเข้าร่วมในโครงการฯ จำนวน 400 ครอบครัว และอาสาสมัครจำนวน 800 คน กิจกรรมในโครงการฯ คือ การสำรวจความพร้อม และปัจจัยที่มีผลต่อการเปิดเผยผลเลือดเอชไอวี การเสริมสร้างสัมพันธภาพภายในครอบครัว กิจกรรมฝึกทักษะการเปิดเผยผลเลือดแก่เจ้าหน้าที่ เพื่อเป็นการสร้างวิทยากรแกนนำต่อไป กิจกรรมกลุ่มสัมพันธ์สำหรับผู้ติดเชื้อเอชไอวีและสมาชิกในครอบครัว เช่นกิจกรรมเพื่อนช่วยเพื่อน กิจกรรมแลกเปลี่ยนประสบการณ์ รวมไปถึงการสัมภาษณ์เชิงลึกเพื่อเป็นการประเมินทัศนคติ และความพร้อมของพ่อแม่ในการเปิดเผยผลเลือดเอชไอวี นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมค่ายสัมพันธ์ เพื่อเน้นด้านการสื่อสารภายในครอบครัว
ศ.กิตติคุณประพันธ์ฯ ยังได้กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า โครงการ Mom Tells…Mom Loved จะทำให้สัมพันธภาพในครอบครัวผู้ติดเชื้อเอชไอวีดีขึ้น ทั้งในด้านทัศนคติ และคุณภาพชีวิต ได้ผลิตบุคลากรแกนนำที่มีทักษะการเป็นผู้ประสานงานให้ความช่วยเหลือผู้ติดเชื้อเอชไอวีได้อย่างมีประสิทธิภาพ และนำความรู้ที่ได้รับไปใช้อย่างต่อเนื่อง ทำให้มีคู่มือกระบวนการและรูปแบบการเปิดเผยผลเลือดที่มีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังจะขยายผลของโครงการฯ ไปยังภาคีเครือข่าย ได้แก่สถานพยาบาลที่มีการดูแลรักษาผู้ติดเชื้อ โดยเฉพาะที่มีการดูแลทั้งครอบครัวทั้งในและต่างประเทศ สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ศูนย์วิจัยโรคเอดส์ สภากาชาดไทย โทรศัพท์ 0 2256 4107-9 ต่อ 404 , 415 หรือที่ศูนย์บริการข้อมูลทางโทรศัพท์ สภากาชาดไทย 1664

วันพฤหัสบดีที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2553

70 ปี อาสากาชาด ต้นฉบับจิตอาสาผู้ทำคุณประโยชน์ต่อสังคมไทย

ศาสตราจารย์กิตติคุณ นายแพทย์ดำรง เหรียญประยูร ผู้อำนวยการสำนักงานอาสากาชาด สภากาชาดไทย และประธานคณะกรรมการจัดงาน 70 ปี ของการสถาปนาสำนักงานอาสากาชาด สภากาชาดไทย กล่าวถึง รายละเอียดในงานดังนี้ ตั้งแต่เวลา 08.00 – 16.00 น. ช่วงเช้ามีการบรรยายพิเศษ เรื่อง “อาสา…ก้าวหน้า ก้าวไกล” โดย ศาสตราภิชาน นายแพทย์พิชิต สุวรรณประกร รองประธานมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย และเวลา 10.30 น. ขอเชิญเฝ้ารับเสด็จ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ เป็นองค์ประธานในงาน “70 ปี ของการสถาปนาสำนักงานอาสากาชาด สภากาชาดไทย” และประทานโล่เชิดชูเกียรติอาสากาชาดผู้ทำคุณประโยชน์ให้กับกิจการต่างๆ ของสภากาชาดไทย นอกจากนี้ มีการจัดแสดงนิทรรศการโครงการต่างๆ ที่พัฒนาคุณภาพชีวิต ให้กับเด็ก ผู้สูงอายุ ผู้ด้อยโอกาส และการปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือสังคมตลอดระยะเวลา 70 ปี ของสำนักงานอาสากาชาดแล้ว ยังให้บริการตรวจสุขภาพโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ทำนายโชคชะตาราศี ประมูลของรักของหวงคนดัง จับสลากรางวัล และการจำหน่ายสินค้าในราคาถูกอีกด้วย

สภากาชาดไทย เป็นหน่วยงานที่มีบทบาทในการบำบัดทุกข์บำรุงสุขราษฎรที่ได้รับความเดือดร้อนโดยยึดหลักการปฏิบัติงานตามหลักกาชาดสากล คือ มีความเป็นกลาง ไม่เลือกชนชั้น วรรณะ ลัทธิศาสนา หรืออุดมการณ์ทางการเมือง เป็นการปฏิบัติงานเพื่อมนุษยธรรม สร้างความมั่นคงให้กับผู้ด้อยโอกาส ทั้งในยามสงครามและยามปกติ และยังมีหลักการที่สำคัญอีกประการหนึ่ง คือ ทำงานด้วยความเสียสละ ทั้งเวลา กำลังกาย และกำลังปัญญา ของอาสาสมัครที่เรียกว่า อาสากาชาด นับตั้งแต่ที่สภากาชาดไทยได้ก่อกำเนิดขึ้น จวบจนปัจจุบันรวมระยะเวลา 117 ปี ที่ได้ดำเนินงานตามหลักการที่กล่าวข้างต้น และได้ก่อตั้งหน่วยงานอาสาสมัครที่เรียกว่า กองอาสากาชาด ขึ้นอย่างเป็นทางการตั้งแต่ปี พ.ศ. 2483 จนต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็น สำนักงานอาสากาชาด ในปี 2539 และได้ครบรอบ 70 ปี ในวันที่ 1 สิงหาคม 2553 โครงการต่างๆ ที่สำนักงานอาสากาชาด สภากาชาดไทย จัดทำขึ้นเพื่อมุ่งสู่คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของเยาวชน ผู้ด้อยโอกาสและผู้สูงอายุ อาทิ โครงการอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย ในการช่วยเหลือผู้ประสบภัย อาทิ บ้านประกอบสำเร็จ ชั่วคราวต้นแบบเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ที่สามารถสร้างที่อยู่อาศัยแบบชั่วคราวให้ผู้ประสบภัยได้ทั่วประเทศ
โครงการฟื้นฟูอาชีพผู้ประสบอุทกภัยต้นแบบเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ตามแนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียง ให้ผู้ประสบภัยทำเกษตรกรรม ผลิตอาหารและลดภาระค่าใช้จ่ายในครัวเรือนได้ภายใน 45 วัน และเมื่อมีการประสบภัยอื่นยังสามารถพึ่งพาตนเองให้ฟื้นฟูสู่สภาพปกติ ได้ด้วยตนเอง โครงการอาสากาชาดฟื้นฟูสุขภาพถึงบ้าน ช่วยเหลือผู้ป่วยที่อยู่โรงพยาบาลให้สามารถกลับบ้านได้เร็วขึ้น ด้วยการติดตามไปรักษาต่อถึงบ้าน โครงการโรงเรียนต้นแบบมาตรฐานระบบการต้านยาเสพติด สร้างเกราะป้องกันเด็กนักเรียนไม่ให้ติดยาเสพติด ซึ่งได้ริเริ่ม “โครงการเพื่อนเตือนเพื่อน” จนขยายขอบข่ายมากขึ้น และจัดตั้ง “โครงการอาสากาชาดนักเรียนแกนนำต้านภัยยาเสพติด” เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 72 พรรษา ในปี พ.ศ. 2544 และปัจจุบันได้มีการจัดทำ โครงการพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารเพื่อพัฒนากิจกรรมคุณภาพต้านยาเสพติด โดยมีโครงการย่อยสนับสนุนหลายโครงการ เพื่อเชื่อมโยงแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกัน อีกทั้งยังขยายเครือข่ายเพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่มากยิ่งขึ้น เพื่อป้องกันเยาวชนของชาติไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของยาเสพติด อันจะส่งผลต่อการพัฒนาประเทศชาติในอนาคต

ผู้ที่สนใจงานอาสาสมัคร ต้องการช่วยเหลืองานของสภากาชาดไทย สามารถสมัครเป็นอาสากาชาดภายในงานได้อีกด้วย สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ที่สำนักงานอาสากาชาด สภากาชาดไทย โทรศัพท์ 0-2256-4427-9 และ 0-2256-4290

วันอังคารที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2553

เชิญชวนบริจาคดวงตา เป็นกุศล ในโอกาส 45 ปี ศูนย์ดวงตาสภากาชาดไทย

ศูนย์ดวงตาสภากาชาดไทย จะจัดพิธีบำเพ็ญกุศล เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้ผู้อุทิศดวงตาที่ถึงแก่กรรม เนื่องในวันศูนย์ดวงตาสภากาชาดไทย ประจำปี 2553 โดยมี นายแผน วรรณเมธี เลขาธิการสภากาชาดไทย เป็นประธานในพิธีฯ ในวันอาทิตย์ ที่ 15 สิงหาคม 2553 ตั้งแต่เวลา 09.00 – 12.00 น. ณ อาคารแพทยพัฒน์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย

ศูนย์ดวงตาสภากาชาดไทยได้จัดกิจกรรมบำเพ็ญกุศลนี้ขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยในปีนี้เป็นปีที่ 45 ซึ่ง ผศ.พญ.ลลิดา ปริยกนก ผู้อำนวยการศูนย์ดวงตาฯ จะสรุปรายงานการดำเนินงานปี พ.ศ. 2552 และมีการอ่านประกาศรายนามผู้อุทิศดวงตาที่ถึงแก่กรรมและศูนย์ดวงตาฯ ได้นำไปใช้ประโยชน์แล้วเพื่อเป็นการเชิดชูและประกาศเกียรติคุณ และภายในงานยังมีการรับบริจาคดวงตาสำหรับผู้มีจิตศรัทธาอีกด้วย

วันเสาร์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ ชวนผู้หญิงไทยใจดี บริจาคโลหิต เนื่องในวันสตรีไทย 1 สิงหาคม


ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย รณรงค์เชิญชวนผู้หญิงไทยใจดี บริจาคโลหิต เนื่องในวันสตรีไทย 1 สิงหาคม 2553 ตั้งแต่เวลา 08.30-15.30 น. ณ ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย ถนนอังรีดูนังต์
แพทย์หญิงสร้อยสอางค์ พิกุลสด ผู้อำนวยการศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ เปิดเผยว่า เนื่องในวันสตรีไทย 1 สิงหาคม ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย ได้จัดกิจกรรมรณรงค์เชิญชวนสตรีไทย ร่วมบริจาคโลหิตในโครงการ “ผู้หญิงไทยใจดี บริจาคโลหิต เนื่องในวันสตรีไทย” ในวันอาทิตย์ที่ 1 สิงหาคม 2553 ตั้งแต่เวลา 08.30-15.30 น. ณ ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย ถนนอังรีดูนังต์ เพื่อเป็นกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ สภานายิกาสภากาชาดไทย เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 78 พรรษา 12 สิงหาคม 2553 และรณรงค์ให้กลุ่มผู้บริจาคโลหิตที่เป็นผู้หญิงบริจาคโลหิตเพิ่มมากขึ้น และบริจาคต่อเนื่องทุกๆ 3 เดือน ซึ่งปัจจุบันสถิติของศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ มีผู้หญิงบริจาคโลหิตประมาณ 51 %
อีกทั้ง เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้หญิงไทยได้ออกมาทำกิจกรรมร่วมกัน ซึ่งจะได้เห็นว่าในปัจจุบันสตรีมีบทบาทมากขึ้น มีความสามารถทัดเทียมผู้ชาย เป็นที่ยอมรับจากสังคม เพราะมีแนวความคิดที่ก้าวหน้า ทันสมัย และสร้างสรรค์ โดยบทบาทด้านหนึ่งที่ควรจะได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติและเป็นแบบอย่างที่ดีในสังคม คือ บทบาทด้านการบริจาคโลหิต ซึ่งถือว่ามีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งในการช่วยเหลือชีวิตเพื่อนมนุษย์ผู้เจ็บป่วย สำหรับผู้ที่บริจาคโลหิตในโครงการ ที่ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ วันที่ 1 สิงหาคม นี้ จะได้รับของที่ระลึกเป็นพิเศษ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ ฝ่ายประชาสัมพันธ์และจัดหาผู้บริจาคโลหิต โทร.0 2256 4300 และ 0 2263 9600-99 ต่อ 1101,1753

1 สิงหาคม ครบรอบ 70 ปีอาสากาชาด ต้นฉบับภารกิจจิตอาสา

วันที่ 1 สิงหาคม 2553 เป็นวันครบรอบ 70 ปี สำนักงานอาสากาชาด ซึ่งเป็นหน่วยงานหนึ่งของสภากาชาดไทย ดำเนินงานตามภารกิจหลักของสภากาชาดไทยด้านคุณภาพชีวิต โดยมีกลุ่มเป้าหมายหลักคือผู้สูงอายุ เด็ก และเยาวชนที่ด้อยโอกาส ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และในวาระครบ 70 ปีของการดำเนินงาน ขอนำเสนอโครงการหนึ่งของสำนักงานอาสากาชาดที่จัดทำขึ้นเพื่อตอบสนองต่อยุทธศาสตร์ของสภากาชาดไทยคือ “โครงการอาสาพัฒนาคุณภาพชีวิตคู่เศรษฐกิจพอเพียง” ซึ่ง ศาสตราจารย์กิตติคุณ นายแพทย์ดำรง เหรียญประยูร ผู้อำนวยการสำนักงานอาสากาชาด ได้กล่าวถึงโครงการฯ นี้ว่า หลักแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง เป็นแนวทางการดำเนินชีวิตที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำรัสให้พสกนิกร ตั้งอยู่บนพื้นฐานของทางสายกลาง และไม่ประมาท โดยคำนึงถึง ความพอเพียง พอประมาณ ความมีเหตุผลของตนเอง เลิกละค่านิยม และพฤติกรรมที่เน้นการบริโภคนิยม ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้และอดออม มีการสร้างภูมิคุ้มกันในตัวเอง โดยใช้ภูมิปัญญาความรู้สร้างสุขภาพกายและจิต ตลอดจนใช้ความรู้และคุณธรรมเป็นพื้นฐานในการดำรงชีวิต ดังนั้นโครงการอาสาพัฒนาคุณภาพชีวิตสู่เศรษฐกิจพอเพียง ของสำนักงานอาสากาชาด จึงเป็นโครงการที่นำความรู้ตามแนวทางพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียง มาใช้โดยการแนะนำจุลินทรีย์ที่มีประสิทธิภาพ หรือ Effective Micro –organism เรียกย่อๆ ว่า อีเอ็ม (EM) มาประยุกต์ใช้ในการผลิตของใช้ในชีวิตประจำวัน เพื่อลดค่าใช้จ่าย และรักษาสิ่งแวดล้อม

จุลินทรีย์ที่มีประสิทธิภาพ หรือ อีเอ็ม คือกลุ่มจุลินทรีย์ที่มีชีวิต ได้จากการใช้เทคนิคทางชีวภาพ รวบรวมจุลินทรีย์ในหมวดสร้างสรรค์ที่มีอยู่ในธรรมชาติมาใช้ประโยชน์ ไม่เป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิต ช่วยปรับสภาพความสมดุลของสิ่งมีชีวิต และสิ่งแวดล้อมให้ดีขึ้น นำไปเพาะขยายได้ จึงได้มีการนำจุลินทรีย์ไปใช้ประโยชน์หลายประการเช่น ด้านการเกษตร ปศุสัตว์ ประมง และด้านสิ่งแวดล้อม สำหรับโครงการอีเอ็ม ของสำนักงานอาสากาชาดนี้ จะมีวัตถุประสงค์ที่นำจุลินทรีย์มีประสิทธิภาพมาใช้ในชีวิตประจำวัน โดยได้นำอีเอ็มมาใช้ในกระบวนการผลิตผลิตภัณฑ์ชีวภาพ 5 ประเภท คือ น้ำหมักชีวภาพ สารไล่แมลง ฮอร์โมนผลไม้ น้ำยาอเนกประสงค์ และยาสีฟันสมุนไพร ซึ่งผลผลิตเหล่านี้ปลอดสารพิษ และสารเคมี ไม่ทำลายธรรมชาติ แต่กลับช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม ได้ผลผลิตสูง มีคุณค่าทางโภชนาการ และผลพลอยได้ที่สำคัญคือ การลดต้นทุนการผลิต ช่วยเหลือด้านเศรษฐกิจและพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้ผลิต และผู้บริโภค ผู้สนใจต้องการเรียนรู้วิธีการทำผลิตภัณฑ์ชีวภาพ หรือต้องการสอบถามข้อมูลรายละเอียด สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ สำนักงานอาสากาชาด โทรศัพท์ 0 22510385, 0 22564583-4 หรือที่ศูนย์บริการข้อมูลทางโทรศัพท์สภากาชาดไทย 1664

วันศุกร์ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

รพ.จุฬาฯ แถลงข่าวหุ่นยนต์จัดเตรียมหลอดเลือดอัตโนมัติ Rabelon 1


Rabelon (ราเบรอน1) หุ่นยนต์จัดเตรียมหลอดเลือดอัตโนมัติ เครื่องแรกของประเทศไทย ในรพ.จุฬาฯ



เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2553 ศาสตราจารย์นายแพทย์อดิศร ภัทราดูลย์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย เป็นประธานและผู้บริหารแถลงข่าว “หุ่นยนต์จัดเตรียมหลอดเลือดอัตโนมัติ เครื่องแรกของประเทศไทย ในโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ณ อาคาร ภปร โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย

หุ่นยนต์ราเบรอน 1 จะใช้รองรับในการเจาะเลือดโดยตรง ทำให้การบริการทางการแพทย์คล่องตัวมากยิ่งขึ้น จากปกติการเจาะเลือดจากเจ้าหน้าที่จะใช้เวลา 60 นาที แต่ ราเบรอน 1 สามารถเจาะเลือดได้เร็วกว่า 20 นาที



ที่สำคัญสามารถเจาะเลือด จำนวน 1,440 หลอด ได้ภายใน 1 ชั่วโมง

1.กระบวนการทำงานก็จะเริ่มจากการรับข้อมูลคำสั่งจากแพทย์ของคนไข้ แล้วเชื่อมต่อกับระบบสารสนเทศ และห้องปฏิบัติการ

2. ทำการประมวลผล เพื่อคัดกรองชนิดเลือด

3.จัดลำดับผู้ป่วยแต่ละราย และติดฉลากบาร์โค๊ดไว้ให้ล่วงหน้าโดยอัตโนมัติ

4.พร้อมทั้งจัดส่งหลอดเลือดที่ติดฉลากแล้วไปตามระบบสายพานที่โต๊ะเจาะเลือดใดก็ได้ทันที



หุ่นยนต์ เบรารอน 1 จะให้บริการอยู่ที่ห้องปฏิบัติการกลางของโรงพยาบาล ณ อาคาร ภปร ชั้น 4

คุณสมบัติพิเศษคือ ยังมีหน้าจอสำหรับแสดงข้องมูลของผู้ป่วย ทำให้ข้อมูลในการเจาะเลือดกับประวัติผู้ป่วยแม่นยำขึ้น ถือว่าเป็นนวัตกรรมตัวแรกที่เป็นประโยชน์แก่ผู้มารับบริการในโรงพยาบาลอย่างแท้จริง

วันอังคารที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

แรงเลอร์ ค้นหาคนกล้าทำในสิ่งที่ดีบริจาคโลหิต 10 ล้านซีซี.ถวายพ่อหลวง




ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย ร่วมกับ บริษัทในกลุ่ม เซ็นทรัล มาร์เก็ตติ้ง กรุ๊ป จัดแถลงข่าวโครงการ “แรงเลอร์ กิฟ อะ ไลฟ์” (Wrangler Give A Life)กล้าทำในสิ่งที่ดี เพื่อร่วมค้นหาคนกล้ามาทำความดี ร่วมบริจาคโลหิตให้สภากาชาดไทย ให้ได้ 10 ล้านซีซี. เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 84 พรรษา โดยมี แพทย์หญิงสร้อยสอางค์ พิกุลสด ผู้อำนวยการศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย และ นายพิชัย จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ เซ็นทรัล มาร์เก็ตติ้ง กรุ๊ป (ซีเอ็มจี) ร่วมแถลงข่าว ณ บริเวณชั้น 1 ศูนย์การค้าเซ็นทรัล ลาดพร้าว

ภายในงานยังมีศิลปิน ดารานักแสดง และ เซเลบบริตี้ชื่อดังมากมาย อาทิ ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์, ตุ๊ยตุ่ย-พุทธชาด พงษ์สุชาติ, เพชร-รัตนารัตน์ เอื้อทวีกุล, ณเดช คูกิมิยะ, วิว-วรรณรส สนธิไชย และวิกกี้-สุนิสา เจทท์ , จามร จีระแพทย์ , เต้-บรม พิจารณ์จิตร ฯลฯ มาพูดคุยถึงการทำความดีด้วยการบริจาคโลหิต โดยโครงการดังกล่าวเกิดขึ้นจากการที่แรงเลอร์ เล็งเห็นถึงความสำคัญของการให้ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่ง่ายที่สุดในการทำความดี โดยการบริจาคโลหิตถือเป็นการให้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด เพราะเป็นการต่อชีวิตให้คนอื่นๆ อีกมากมาย อย่างไม่มีที่สิ้นสุด

ทั้งนี้ ปัจจุบันศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย ยังคงมีความต้องการโลหิตบริจาคถึงวันละ 1,500 ยูนิต เพื่อให้เพียงพอสำหรับผู้ป่วยที่จำเป็นต้องได้รับโลหิตในการรักษาโรงพยาบาลต่าง ๆ จึงต้องอาศัยการสนับสนุนจากองค์กรต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน ร่วมรณรงค์จัดกิจกรรมเพื่อกระตุ้นให้มีการบริจาคโลหิตเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา ซึ่งจะทำให้ประชาชนบริจาคโลหิตอย่างสม่ำเสมอทุก3 เดือนเพิ่มมากขึ้น โดยมีกลุ่มเป้าหมายของโครงการฯ คือ ลูกค้าผลิตภัณฑ์ Wrangler เยาวชน และประชาชนทั่วไป ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ซึ่งจะจัดให้มีกิจกรรมการรับบริจาคโลหิต ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ณ ภาคบริการโลหิตแห่งชาติ ตั้งแต่บัดนี้ – 31 ตุลาคม 2553 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ โทร.0 2252 1637 , โทร. 0 2263 9600-99 ต่อ 1753,1770

รพ.จุฬาฯ แถลงข่าวหุ่นยนต์จัดเตรียมหลอดเลือดอัตโนมัติ


รพ.จุฬาฯ พัฒนาการแพทย์สู่ความเป็นเลิศ นำนวัตกรรม “หุ่นยนต์จัดเตรียมหลอดเลือดอัตโนมัติ”ที่ทันสมัยและครบวงจร เปิดบริการเป็นแห่งแรกในประเทศไทย กำหนดเปิดการแถลงข่าว โดยมี ศ.นพ.อดิศร ภัทราดูลย์ ผู้อำนวยการ รพ.จุฬาฯ เป็นประธาน ในวันศุกร์ที่ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๕๓ เวลา ๐๙.๓๐ น. ณ ห้องประชุมใหญ่ ตึก ภปร ชั้น ๑๘ รพ.จุฬา ฯ สอบถาม ๐๘๑-๘๕๐๑๗๒๓, ๐๒-๒๕๖๔๔๐๙

วันอาทิตย์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ผู้แทนจากอินโดนีเซียเยี่ยมชมภารกิจของสภากาชาดไทย


นายสวนิต คงสิริ ผู้ช่วยเลขาธิการสภากาชาดไทย ฝ่ายวิเทศสัมพันธ์ และศาสตราจารย์กิตติคุณนายแพทย์ประพันธ์ ภานุภาค ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยโรคเอดส์สภากาชาดไทย ผู้แทนสภากาชาดไทยให้การต้อนรับ Hon.Mr.Ahmad Nizar Shihab สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของคณะกรรมาธิการที่ 9 แห่งสาธารณรัฐอินโดนีเซีย พร้อมคณะผู้แทนและผู้ติดตาม เข้าศึกษาดูงานและเยี่ยมชมสภากาชาดไทย ณ ห้องประชุม อาคารเฉลิมพระเกียรติ 48 พรรษาฯ ศูนย์วิจัยโรคเอดส์ สภากาชาดไทย

วันเสาร์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

สภากาชาดไทยแสดงความยินดีกับผู้ว่าแบงค์ชาติคนใหม่


นายแผน วรรณเมธี เลขาธิการสภากาชาดไทย และคณะผู้บริหารสภากาชาดไทยมอบดอกไม้แสดงความยินดีแด่ ดร.ประสาร ไตรรัตนวรกุล ในโอกาสเข้ารับตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยคนใหม่ ณ อาคารเทิดพระเกียรติสมเด็จพระญาณสังวรฯ สภากาชาดไทย

วันพฤหัสบดีที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2553

วันเสาร์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ขอเชิญผู้สนใจเข้าร่วมงานเปิดปีรณรงค์โรคพาร์กินสัน 2553


ศูนย์รักษาโรคพาร์กินสันฯ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ร่วมกับ กระทรวงสาธารณสุข กรุงเทพมหานคร และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ร่วมกันจัดงาน “เปิดปีรณรงค์โรคพาร์กินสัน 2553” โดยมี นายแผน วรรณเมธี เลขาธิการสภากาชาดไทย เป็นประธานเปิดงานฯ ในวันที่ 10 กรกฎาคม 2553 เวลา 09.30 น. ณ ศูนย์ประชุมจุมภฏ - พันธุ์ทิพย์ ชั้น 9 ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย เพื่อเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี อุปนายิกาผู้อำนวยการสภากาชาดไทย กิจกรรมภายในงาน ประกอบด้วย การจัดนิทรรศการความรู้เรื่องโรคพาร์กินสัน การบรรยายให้ความรู้เรื่องโรคพาร์กินสัน ตรวจร่างกายและแนะนำการใช้ยาพาร์กินสันโดยแพทย์ การออกกำลังกายและฝึกเดิน โดยนักกายภาพบำบัด ให้คำแนะนำผู้ดูแล โดยพยาบาล นักสังคมสงเคราะห์ และ นักกิจกรรมบำบัด ตรวจคัดกรองไขมันในเลือดและเบาหวาน ให้ความรู้ในการประเมินและแก้ไขปัญหาความจำ ฯลฯขอเชิญผู้ป่วยพาร์กินสันและผู้ที่สนใจลงทะเบียนล่วงหน้าได้ฟรี! รับจำนวนจำกัด โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย สอบถาม โทร.081-107-9999 หรือ โทรสาร 02-256-3361

วันเสาร์ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

สภากาชาดไทย พร้อมเปิดรับบริจาคโลหิตแล้ว ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 24 พ.ค.นี้


ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย พร้อมเปิดรับบริจาคโลหิตตามปกติแล้ว ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 24 พฤษภาคม 2553 ทั้งที่ อาคารศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ ถ.อังรีดูนังต์ และหน่วยรับบริจาคโลหิตเคลื่อนที่
แพทย์หญิงสร้อยสอางค์ พิกุลสด ผู้อำนวยการศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย
เปิดเผยว่า หลังจากที่ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ ได้มีการประชุมวางแผนและประเมินสถานการณ์
การรับบริจาคโลหิตทุกวัน โดยเห็นว่าขณะนี้ บริเวณที่ตั้งของศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ
ซึ่งอยู่ที่ถนนอังรีดูนังต์ เริ่มมีการเปิดการจราจรแล้ว และอยู่ในจุดที่ปลอดภัย
ดังนั้น ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 24 พฤษภาคม 2553
ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ จึงพร้อมที่จะเปิดรับบริจาคโลหิตอย่างเต็มศักยภาพ
ทั้งที่ ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ ถ.อังรีดูนังต์และหน่วยรับบริจาคโลหิต ดังนี้

วัน เวลา เปิดทำการ ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ ถ.อังรีดูนังต์
วันจันทร์,พุธ,ศุกร์ เปิดเวลา 08.00 - 16.30 น.
วันอังคาร,พฤหัสบดี เปิดเวลา 07.30 - 19.30 น.
วันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เปิดเวลา 08.30 - 15.30 น.

หน่วยรับบริจาคโลหิตเคลื่อนที่ วันจันทร์ที่ 24 พฤษภาคม 2553
มีหน่วยรับบริจาคโลหิต จำนวน 10 แห่ง
1.เดอะมอลล์ บางแค ถ.เพชรเกษม (ชั้น P) เวลา 12.00-18.00 น.
2.สถานีกาชาด 11 “วิเศษนิยม” บางแค ถ.เพชรเกษม เวลา 09.00-15.00 น.
3.มหาวิทยาลัยรามคำแหง หัวหมาก(รถจอดหน้าคณะบริหารธุรกิจ) เวลา 10.00-15.00 น.
4.วิทยาลัยพณิชยการเชตุพน ถ.ประชาอุทิศ เวลา 09.00-15.00 น.
5.บมจ. จี.เอ็ม.เอ็ม แกรมมี่ ถ.สุขุมวิท 21 (อโศก)เวลา 09.30-15.00 น.
6.งานของดีเมืองปทุม ลานโปรโมชั่น ชั้น 1 ฟิวเจอร์ พาร์ค รังสิต เวลา 11.30-15.30 น.
7.บริษัท ซีพีเอฟผลิตภัณฑ์อาหาร จำกัด (มีนบุรี 2) ถ.สุวินทวงศ์ เวลา 09.00-12.00 น.
8.บริษัท ซีพีเอฟผลิตภัณฑ์อาหาร จำกัด (มีนบุรี 1) ถ.สุวินทวงศ์ เวลา 13.00-15.00 น.
9.บมจ. ปูนซีเมนต์นครหลวง ชั้น G อาคารคอรัมทาวเวอร์ ถ.รัชดาภิเษก เวลา 09.00-15.00 น.
10.บริษัท ทีโอเอเพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด ถ.บางนา-ตราด กม.23 เวลา 09.30-15.00 น.
ผู้บริจาคสามารถสอบถามการออกหน่วยรับบริจาคโลหิต ได้ที่ www.redcross.or.th หรือ
โทร. 0 2256 4300 และโทร. 0 2263 9600-99 ต่อ 1101

วันเสาร์ที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

กาชาดวอนบริจาคโลหิตสำรองให้ผู้ป่วย จัดหน่วยเคลื่อนที่รับบริจาคนอกพื้นที่ชุมนุม


สภากาชาดไทย ปรับแผนรับบริจาคโลหิต จัดหน่วยเคลื่อนที่ออกรับบริจาคโลหิตนอกพื้นที่ชุมนุม อำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ที่ไม่สามารถเดินทางมาบริจาค ที่ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ ถ.อังรีดูนังต์ ซึ่งอยู่ในพื้นที่การชุมนุม และเสี่ยงภัย
แพทย์หญิงสร้อยสอางค์ พิกุลสด ผู้อำนวยการศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย เปิดเผยว่า เนื่องจากสถานการณ์การชุมนุมทางการเมือง มีแนวโน้มทวีความรุนแรงมากขึ้น และมีการปิดการจราจรบริเวณโดยรอบแยกราชประสงค์ รวมทั้ง ถนนพระราม 4 และถนนอังรีดูนังต์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ ทำให้ประชาชนไม่สามารถเดินทางมาบริจาคโลหิตได้ หากสถานการณ์ยังเป็นเช่นนี้อีกต่อไป จะทำให้โลหิตสำรองในคลังเลือดไม่เพียงพอสำหรับผู้ป่วย หรือผู้บาดเจ็บที่ต้องได้รับโลหิตในการช่วยชีวิตอย่างเร่งด่วน ทั้งนี้ ในแต่ละวันศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ ต้องจัดหาโลหิตให้ได้ตามเป้าหมาย คือวันละ 1,500 ยูนิต จึงจะเพียงพอสำหรับความต้องการของผู้ป่วยในโรงพยาบาลต่างๆ และต้องมีโลหิตสำรองคงคลังไว้ พร้อมใช้ได้ทันทีหากมีความต้องการเร่งด่วน
ดังนั้น เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ จึงได้ดำเนินการปรับแผนจัดหน่วยเคลื่อนที่เพิ่มเติมออกไปรับบริจาคโลหิตนอกพื้นที่ชุมนุม โดยส่วนใหญ่จะอยู่บริเวณกรุงเทพฯ ชั้นนอก เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ประสงค์จะบริจาคโลหิต จึงขอวอนประชาชนร่วมกันบริจาคโลหิตให้แก่ผู้ป่วย ได้ที่ หน่วยเคลื่อนที่รับบริจาคโลหิต ระหว่างวันที่ 16 - 17 พฤษภาคม 2553 มีดังนี้
วันอาทิตย์ที่ 16 พฤษภาคม 2553
1.จตุจักร เพิ่มรถรับบริจาคโลหิต 2 คัน ขยายเวลา 09.00-15.00 น.
2.เดอะมอลล์ บางแค ห้องรับบริจาคโลหิต ชั้น P เวลา 12.00-18.00 น.
3.วัดลาดพร้าว ซอยลาดพร้าว 41 เวลา 08.30-12.00 น.
4.ชุมชนตำบลคลองด่าน บางบ่อ จ.สมุทรปราการ เวลา 09.00-14.00 น.
5.เคหะชุมชนนวมินทร์ หน้าแฟลต 2 เวลา 11.30-15.30 น.
เพิ่มรถรับบริจาคโลหิต บริเวณด้านหน้าห้างเดอะมอลล์ บางแค 1 คัน เวลา 12.00-16.00 น.

วันจันทร์ที่ 17 พฤษภาคม 2553
1.มหาวิทยาลัยรามคำแหง หัวหมาก เวลา 10.00-15.00 น.
2.สถานีกาชาด 11 “วิเศษนิยม” ถ.เพชรเกษม เวลา 09.00-15.00 น.
3.บมจ.ท่าอากาศยานไทย สาขาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เวลา 09.30-15.30 น.
4.บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ถ.แจ้งวัฒนะ เวลา 09.00-15.00 น.
5.ท้อปมาร์เก็ตเพลส อุดมสุข ถ.เฉลิมพระเกียรติ ร.9 เวลา 11.30-15.30 น.
6.เดอะมอลล์ บางแค ห้องรับบริจาคโลหิต ชั้น P เวลา 12.00-18.00 น.
7.เดอะมอลล์ ท่าพระ ศูนย์ฝึกอบรม ชั้น 7 เวลา 11.30-15.30 น.
เพิ่มหน่วยรับบริจาคโลหิต ที่บริษัท ทีวีไดเร็ค จำกัด ซอยวัชรพล เวลา 09.00-15.00 น.

ขอบคุณที่ได้กรุณาเผยแพร่ข่าวนี้ ทั้งนี้ ในการออกหน่วยรับบริจาคโลหิตเคลื่อนที่แต่ละวัน ผู้ประสงค์จะบริจาคโลหิตสามารถสอบถามเพิ่มเติม ได้ที่ ฝ่ายประชาสัมพันธ์และจัดหาผู้บริจาคโลหิต ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ
โทร.0 2256 4300 , 0 2263 9600-99 ต่อ 1101หรือที่เว็บไซต์ สภากาชาดไทย www.redcross.or.th

วันอังคารที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

ผลตัดสินการประกวดโปสเตอร์และโลโก้สัญลักษณ์วันผู้บริจาคโลหิตโลก

ประกาศ ผลการตัดสินโครงการ ประกวดโปสเตอร์และโลโก้สัญลักษณ์ ภายใต้แนวคิด “New Blood for The World” เพื่อใช้เป็นสื่อประชาสัมพันธ์ วันผู้บริจาคโลหิตโลก 2553

ผลการตัดสินการประกวดโปสเตอร์

รางวัลชนะเลิศอันดับ 1 และ 2 ไม่มีผลงานใดเหมาะสมได้รับรางวัล

รางวัลที่ 3 ได้แก่ นายกิตติบดี บัวงาม ได้รับโล่แลนด์สไตเนอร์ อวอร์ด (Landsteiner’s Award) พร้อมเงินรางวัล 5,000 บาท

สำหรับแนว ความคิดในการออกแบบโปสเตอร์ และความหมายสื่อให้เห็นว่า "เม็ดเลือดจำนวนมาก ประกอบรวมกันเป็นรูปทรงโลก แทนสภาวการณ์ของผู้ที่รอคอยรับการบริจาคโลหิต อันมีอยู่อย่างมหาศาลจากทั่วทุกมุมโลก มือ หลากหลายที่ชูขึ้นไปด้านบน รอรับลูกโลกเอาไว้ แทนกลุ่มเยาวชนพลังเลือดใหม่ ตัวแทนผู้นำและดูแลโลก รณรงค์พร้อมสนับสนุนการบริจาคโลหิตด้วยความสมัครใจ"

ผลการตัดสินการประกวดโลโก้สัญลักษณ์

ผู้ที่ได้รับรางวัลชนะเลิศอันดับ 1 ได้แก่ นายเอกชัย จริงใจ ได้รับโล่แลนด์สไตเนอร์ อวอร์ด (Landsteiner’s Award) พร้อมเงินรางวัล 10,000 บาท



สำหรับแนวคิดการออกแบบ และสื่อความหมายว่า "เยาวชน ชักชวน และร่วมมือกันบริจาคโลหิตด้วยความสมัครใจ อีกทั้งช่วยกันเผยแพร่เจตนารมณ์ตลอดจนประชาสัมพันธ์ให้เห็นคุณค่าของการ บริจาคโลหิต ต่อโลกใบนี้"

ผู้ได้รับรางวัลที่ 2 ได้แก่ นายสุภาพ เรื่องเสน ได้รับโล่แลนด์สไตเนอร์ อวอร์ด (Landsteiner’s Award) พร้อมเงินรางวัล 8,000 บาท



สำหรับแนวคิดการออกแบบ และการสื่อความหมาย นำเสนอรูปทรงโดยรวม form เป็นรูปวงกลม โดยออกแบบภายในเป็นรูปแผนที่โลกและรูปหยดเลือด ด้านนอกออกแบบประกอบเป็นรูปคนยืนจับมือกัน

รูปโลก รูปคนและรูปหยดเลือด สื่อถึง การกระตุ้นให้ประเทศต่างๆทั่วโลก โดยเฉพาะเยาวชนให้ตระหนักถึงความสำคัญการบริจาคโลหิตด้วยความสมัครใจโดยไม่ หวังสิ่งตอบแทนและเป็นผู้บริจาคโลหิตต่อไปอย่างยั่งยืนและต่อเนื่อง เพื่อเป็น พลังเลือดใหม่ เพื่อโลกใบนี้ “New Blood for The World”

รูป โลก สื่อถึง การประสานความร่วมมือ ร่วมใจของประเทศต่างๆทั่วโลกในการส่งเสริมการบริจาคโลหิต เพื่อโลก เพื่อประชาชนทุกๆคนในโลก

รูปคนโอบอุ้มโลก สื่อถึง ความร่วมมือของคนทุกคนในโลกนี้โดยเฉพาะเยาวชนให้เห็นถึงความสำคัญในการบริจาคโลหิต

รางวัลที่ 3 ไม่มีผลงานใดเหมาะสมที่จะได้รับรางวัล

ผู้ได้รับรางวัลขอให้ติดต่อ ฝ่ายประชาสัมพันธ์และจัดหาผู้บริจาคโลหิต โทรศัพท์ 0 2255 4567 ,0 2263 9600-99 ต่อ 1753

วันพฤหัสบดีที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

World Red Cross Red Crescent Day 2010

World Red Cross Red Crescent Day marks the anniversary of the birth of Henry Dunant, the founder of the Red Cross, and the occasion offers an opportunity for the different partners in the Movement - the International Federation of Red Cross and Red Crescent Societies, the International Committee of the Red Cross (ICRC) and the 186 National Societies - to reflect on the humanitarian ideals of protecting human dignity and providing impartial assistance to people in need, wherever they may be.

The theme of this year’s World Red Cross Red Crescent Day 2010 is still Our world. Your move which was launched last year to celebrate 150 years since the founding of the Red Cross Red Crescent Movement. The Movement has a collective responsibility to make our world a better place and to make our move for humanity.

To celebrate this memorial day on 8 May 2010, the Thai Red Cross Society will organize activities to provide humanitarian services and educational promotion for the public. Let’s join together.

Blood, Eye and Organ Donation at the National Blood Centre, Henry Dunant Road, Bangkok : 0800 – 1600 hours.

Anyone who donates blood will be presented with a limited edition World Red Cross Red Crescent souvenir.

Thai Red Cross Museum at the Queen Saovabha Memorial Institute, Rama IV Road, Bangkok : 0900 – 1500 hours. Entrance free !

Anyone who visit the museum will be presented with a pin promoting the Red Cross Red Crescent Fundamental Principles.

Thai Red Cross Society, Call Centre 1664 : www.redcross.or.th

วันพุธที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

8 พฤษภาคม วันกาชาดโลก

ร่วมบริจาคโลหิตวันกาชาดโลก 8 พฤษภาคม ภายใต้คำขวัญ “โลกของเราช่วยได้ ด้วยหลายมือ”

สภา กาชาดไทย ขอเชิญร่วมบริจาคโลหิตช่วยชีวิตเพื่อนมนุษย์ เฉลิมฉลองวันกาชาดโลก ภายใต้คำขวัญ “Our World Your Move” โลกของเราช่วยได้ ด้วยหลายมือ เสาร์ที่ 8 พฤษภาคม 2553 เวลา 08.00-16.00 น. ณ ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ ถนนอังรีดูนังต์ พร้อมรับเข็มกลัดที่ระลึกวันกาชาดโลก

แพทย์หญิงสร้อยสอางค์ พิกุลสด ผู้อำนวยการศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย เปิดเผยว่า ด้วยสหพันธ์สภากาชาดและสภาเสี้ยววงเดือนแดงระหว่างประเทศ (IFRC) ได้กำหนดให้วันที่ 8 พฤษภาคมของทุกปี ซึ่งเป็นวันคล้ายวันเกิดของ นายอังรี ดูนังต์ ผู้ให้กำเนิดกาชาดสากล เป็นวันกาชาดโลก และขอความร่วมมือให้สภากาชาดทั่วโลกจัดกิจกรรมเฉลิมฉลอง เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนทราบถึงภารกิจและบทบาทของสภากาชาด ซึ่ง เป็นองค์กรการกุศลเพื่อมนุษยธรรมที่มีบทบาทสำคัญยิ่งในด้านการให้ความช่วย เหลือประชาชนที่ได้รับความทุกข์ยาก โดยไม่เลือกปฏิบัติในเรื่องสัญชาติ เชื้อชาติ ศาสนา วรรณะ หรือความคิดเห็นทางการเมือง สำหรับในปีนี้ ได้กำหนดคำขวัญการจัดงานว่า “Our World Your Move” โลกของเราช่วยได้ ด้วยหลายมือ

ดังนั้น ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ ซึ่ง เป็นหน่วยงานของสภากาชาดไทย ที่ได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่หลักในการจัดหาโลหิตให้มีปริมาณเพียงพอ ปลอดภัยและมีคุณภาพสูงสุดจากผู้บริจาค เพื่อนำไปใช้รักษาผู้ป่วยทั่วประเทศ จึงได้จัดกิจกรรมรับบริจาคโลหิตในวันกาชาดโลก วันเสาร์ที่ 8 พฤษภาคม 2553 ตั้งแต่เวลา 08.00-16.00 น. พร้อมทั้ง รับบริจาคดวงตา อวัยวะ Stem Cell และชมนิทรรศการของสหพันธ์สภากาชาดและสภาเสี้ยววงเดือนแดงระหว่างประเทศ ณ อาคารเฉลิมพระเกียรติบรมราชินีนาถ ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ ถนนอังรีดูนังต์

นอกจากนี้ ยังมีหน่วยเคลื่อนที่รับบริจาคโลหิตในกรุงเทพฯ ได้แก่ จตุจักร เปิดเวลา 10.00-15.00 น. , โรงพยาบาลหัวเฉียว ถ.บำรุงเมือง เวลา 09.00-15.00 น. ,เดอะมอลล์ บางแค เวลา 12.00-18.00 น. และ บมจ.ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาหมู่บ้านเสนานิเวศน์ ถ.พหลโยธิน เวลา 09.00-15.00 น. พิเศษ ผู้บริจาคโลหิตในวันดังกล่าวจะได้รับเข็มกลัดที่ระลึกทุกท่าน

ในส่วนภูมิภาค สามารถบริจาคโลหิตได้ที่ ภาคบริการโลหิตแห่งชาติ 4 แห่ง ได้แก่ ภาคบริการโลหิตแห่งชาติ จังหวัดอุบลราชธานี จังหวัดชลบุรี จังหวัดภูเก็ต และ จังหวัดสงขลา จึงขอเชิญชวนประชาชนร่วมบริจาคโลหิตในโอกาสนี้ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0 2256 4300, 0 2263 9600-99 ต่อ 1760,1761

วันอังคารที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

สภากาชาดไทย ปรับปรุงเว็ปไซต์ใหม่ www.redcross.or.th

สภากาชาดไทย ขอเชิญชวนทุกท่านร่วมรับรู้ข้อมูลข่าวสารอันเป็นสาธารณประโยชน์ของประเทศ ผ่านทางเว็ปไซต์สภากาชาดไทยที่ www.redcross.or.th โดยเป็นแหล่งรวบรวมข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับสภากาชาดไทย ทั้งหลักการกาชาด หน่วยงานของสภากาชาดไทย ทั้ง 23 หน่วยงาน ตารางการรับบริจาคโลหิตเคลื่อนที่ บริการดาวน์โหลดแบบฟอร์มการบริจาคดวงตา อวัยวะ ร่างกาย รวมทั้งทรัพย์สินสิ่งของต่างๆ รวบรวมกิจกรรมงานกาชาดที่จัดขึ้นในแต่ละปี บทความที่เป็นนความรู้เกี่ยวกับสุขภาพ ถามมา-ตอบไป ภาพมัลติมีเดียเกี่ยวกับกิจกรรมของสภากาชาดไทยจัดขึ้น วารสารและหนังสือที่สำคัญของสภากาชาดไทย ในแบบออนไลน์ (E-Book) รวมทั้งขอเชิญชวนทุกท่านสมัครเป็นสมาชิกเครือข่ายทางสังคมกับสภากาชาดไทย ได้ที่ http://twitter.com/thairedcross, http://thairedcross.blogspot.com/, www.facebook.com/thairedcross

วันเสาร์ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2553

สภากาชาดไทยจัดอบรมหลักสูตรการเตรียมความพร้อมสู่การเป็นผู้บริหาร


สำนักงานการเจ้าหน้าที่ สภากาชาดไทย จัดอบรมหลักสูตร การเตรียมความพร้อมสู่การเป็นผู้บริหาร รุ่นที่ 2 (Supervisor Skill Development Program- SSD2) ขึ้นระหว่างวันที่ 17-20, 24-27 พฤษภาคม 2553 ณ ห้องประชุม 2 -3 อาคารเฉลิม บูรณะนนท์ ชั้น 4


หลักสูตรนี้เพื่อเป็นการสร้างและพัฒนาผู้บริหารสภากาชาดไทย ตามระดับชั้นของการบริหาร ให้มีความรู้ ความเข้าใจหลายด้าน เพื่อที่จะทำให้การบริหารจัดการองค์กร ตลอดจนการให้บริการประชาชน ที่เป็นภารกิจหลักของสภากาชาดไทย เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้การจัดหลักสูตรนี้เพื่อต้องการสร้างผู้บริหารที่มีคุณลักษณะเฉพาะของสภากาชาดไทย คือเป็นผู้ที่มีคุณธรรม จริยธรรม ซื่อสัตย์ สุจริต ยึดมั่นในหลักการกาชาด 7 ประการ เข้าใจรากฐานความเป็นมาของ "กาชาด" อย่างลึกซึ้ง และมีบุคลิกภาพเป็นผู้นำ มีมนุษยสัมพันธ์ และมีเครือข่ายที่ดีทั้งภายใน และภายนอกองค์กร


การจัดหลักสูตรครั้งนี้ ใช้วิธีการอบรม การบรรยาย การจัดอบรมเชิงปฏิบัติการ การฝึกปฏิบัติ มีบุคลากรที่มีคุณสมบัติตามกำหนด จำนวน 27 คน เข้ารับการอบรมในครั้งนี้

วันศุกร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2553

ขยายเวลารับบริจาคโลหิตในหน่วยเคลื่อนที่

เนื่องจากการเดินทางมาบริจาคโลหิตที่ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ ไม่สะดวก ด้วยเหตุการณ์ทางการเมืองในปัจจุบัน สภากาชาดไทยจึงขอเชิญชวนให้ผู้ที่ต้องการบริจาคโลหิต และอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับหน่วยเคลื่อนที่รับบริจาคโลหิต ซึ่งได้มีการขยายเวลารับบริจาคโลหิต ท่านสามารถไปบริจาคได้ในสถานที่ดังต่อไปนี้คือ
24 เมย. 53 สวนจตุจักร* 10.00- 17.00 น /ห้างสรรพสินค้า Big C แฟชั่นไอซ์แลนด์ ถนนรามอินทรา* 11.30 - 17.30 น./เดอะมอลล์ บางแค ชั้น P เวลา 12.00 - 18.00 น./ ชุมชนหมู่บ้านประชาชื่น ถนนสามัคคี เวลา 16.00 20.00 น.
25 เมย. 53 วัดสังฆราชา ถนนอ่อนนุช เวลา 09.00 - 15.00 น. / สวนจตุจักร* เวลา 10.00 - 17.00 น./ห้างสรรพสินค้า Big C สาขาพระราม 2* เวลา 11.30 - 17.30 น. / ห้างสรรพสินค้าตั้งฮั่วเส็ง ธนบุรี ถนนสิรินธร* เวลา 11.30 - 17.30 น/ เดอะมอลล์ บางแค ชั้น P เวลา 12.00 - 18.00 น.
หมายเหตุ * คือหน่วยรับบริจาคโลหิตที่ขยายเวลารับบริจาคโลหิตเฉพาะกิจ
ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อ โทร 0 2256 4300, 0 2263 9600-99 ต่อ 1101 หรือติดต่อศูนย์บริการข้อมูลทางโทรศัพท์ สภากาชาดไทย โทร 1664

ท่านติดตามรายละเอียดการออกหน่วยเคลื่อนที่รับบริจาคโลหิตล่วงหน้าได้ที่ www.redcross.or.th หรือ www.blooddonationthai.com

วันจันทร์ที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2553

มหกรรมสาดน้ำ(ใจ)ด้วยการบริจาคโลหิต



ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย เชิญชวนทุกท่านที่มีสุขภาพพร้อมเป็นผู้บริจาคโลหิต อายุ 17 ปีขึ้นไป สุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง ไม่มีโรคประจำตัวใดๆ ทั้งสิ้น น้ำหนัก 45 กิโลกรัมขึ้นไป มาร่วมมหกรรมสาดน้ำ (ใจ) ด้วยการบริจาคโลหิต ช่วงสงกรานต์ ระหว่างวันที่ 10-18 เมษายน 2553 ผู้บริจาคโลหิตในช่วงนี้ จะได้รับเสื้อT-shirt " I love Donor" ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมที่ 0 22639600

กาชาดวอนบริจาคเลือดช่วงหยุดสงกรานต์ คาดวิกฤตเลือดสำรองขาดแคลน

ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย วอนประชาชนบริจาคโลหิตให้ผู้ป่วยในช่วงวันหยุดสงกรานต์ 12-18 เมษายน 2553 เนื่องจากขณะนี้มีโลหิตสำรองคงคลังเพียง 300 ยูนิตเท่านั้น นาวาโทหญิงแพทย์หญิงอุบลวัณณ์ จรูญเรืองฤทธิ์ รองผู้อำนวยการศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ รักษาการแทนผู้อำนวยการฯ เปิดเผยว่า เนื่องจาก ขณะนี้ ( 12 เมษายน 2553) โลหิตสำรองคงคลังลดต่ำลงมาก มีเพียงแค่ 300 ยูนิตเท่านั้น ทั้งนี้ ศูนย์บริการโลหิตฯ จะต้องจัดหาโลหิตให้ได้วันละ 1,500 ยูนิต จึงจะเพียงพอสำหรับผู้ป่วย แต่ในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมามีผู้มาบริจาคโลหิตลดลงไม่ถึง 1,000 ยูนิต และหากสถานการณ์รับบริจาคโลหิตยังคงเป็นเช่นนี้ จะทำให้โลหิตสำรองในคลังไม่เพียงพอสำหรับผู้ป่วยทั่วไป และในกรณีฉุกเฉินต้องการโลหิตอย่างเร่งด่วน จำนวนมาก จึงขอเชิญชวนผู้บริจาคโลหิตที่มีอายุตั้งแต่ 17 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป – 70 ปี ( สำหรับผู้ที่จะบริจาคโลหิตครั้งแรก ต้องมีอายุไม่เกิน 55 ปี ) น้ำหนักตัวตั้งแต่ 45 กิโลกรัมขึ้นไป และต้องมีสุขภาพแข็งแรงพร้อมที่จะบริจาคโลหิต นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อย 6 ชั่วโมง สามารถติดต่อบริจาคโลหิตได้ที่ ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ ถนนอังรีดูนังต์ วันที่ 12 เมษายน 2553 ยังคงเปิดรับบริจาคโลหิตตามปกติ ตั้งแต่เวลา 08.30-16.30 น. และออกหน่วยเคลื่อนที่รับบริจาคโลหิตไปที่ สถานีกาชาด 11 “วิเศษนิยม” บางแค รับบริจาคโลหิตตั้งแต่เวลา 09.00-15.00 น. , มหาวิทยาลัยรามคำแหง หัวหมาก เวลา 10.00-15.00 น. และเดอะมอลล์ บางแค เวลา 12.00-18.00 น. สำหรับในช่วงวันหยุดสงกรานต์ ตั้งแต่ 13 - 18 เมษายน 2553 ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ ถ. อังรีดูนังต์ เปิดรับบริจาคโลหิต เวลา 08.30-15.30 น. พร้อมทั้งมอบ เสื้อยืดที่ระลึกให้แก่ผู้มาบริจาคโลหิตทุกท่าน สอบถามโทร. 0 2256 4300

วันศุกร์ที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2553

ชุมนุมอาสายุวกาชาดด้านปฐมพยาบาล(First Aid RCY Volunteers Gathering 2010)

จากเหตุการณ์คลื่นยักษ์สึนามิถล่มบริเวณชายฝั่งอันดามัน เมื่อปลายปี 2547 บทเรียนหนี่งที่คนไทยได้รับคือความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ ทั้งทรัพย์สินและชีวิตผู้คนเป็นจำนวนมาก
เมื่อได้เรียนรู้จากประสบการณ์ครั้งนั้นแล้ว การเตรียมรับภัยที่อาจเกิดซ้ำรอยขึ้นอีกจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง สำนักงานยุวกาชาด สภากาชาดไทยได้ดำเนินโครงการพัฒนาอาสายุวกาชาดด้านปฐมพยาบาล ในพื้นที่ 6 จังหวัดประสบภัยสึนามิ โดยความร่วมมือสนับสนุนจากสหพันธ์สภากาชาดและสภาเสี้ยววงเดือนแดงระหว่างประเทศ กาชาดอเมริกันและสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) มาตั้งแต่ปี 2548 นับตั้งแต่บัดนั้น สำนักงานยุวกาชาดได้ให้การอบรมแก่ผู้บริหารและครู กศน.ใน จังหวัด กระบี่ ระนอง พังงา สตูล ภูเก็ต และตรัง กว่า 100 คนให้เป็นวิทยากรแกนนำด้านปฐมพยาบาลเพื่อส่งต่อความรู้และทักษะสู่เยาวชนในความดูแลให้เป็นอาสายุวกาชาดด้านปฐมพยาบาล(First Aid Team) ซึ่งขณะนี้มีจำนวนกว่า 3000 คน
ณ วันนี้ โครงการพัฒนาอาสายุวกาชาดด้านปฐมพยาบาล ในพื้นที่ 6 จังหวัดประสบภัยสึนามิได้เดินทางมาถึงโค้งสุดท้ายปลายโครงการฯแล้ว ด้วยความภาคภูมิใจที่ได้มีส่วนสร้างภูมิคุ้มกันภัยให้แก่พื้นที่ที่เคยผ่านความสูญเสีย ด้วยการสร้างเครือข่ายอาสายุวกาชาดด้านปฐมพยาบาลที่สามารถเป็นที่พึ่งพาได้ ให้ชุมชนแข็งแรง


มีความพร้อมทั้งในยามปกติ และเมื่อเกิดภัยพิบัติ สำนักงานยุวกาชาดจึงได้จัด “งานชุมนุมอาสายุวกาชาดด้านปฐมพยาบาล ในพื้นที่ 6 จังหวัดประสบภัยสึนามิ” ขึ้น
ระหว่างวันที่ 28-31 มีนาคม 2553 ณ โรงแรมเดอะแกรนด์ เอ็ม พี รีสอร์ท อ.เมือง จ.ตรัง ด้วยการเปิดเวทีให้อาสายุวกาชาดที่ผ่านการอบรมด้านปฐมพยาบาลอย่างเข้มข้นมาแล้ว ได้มาแสดงความรู้และทักษะด้วยการแข่งขันปฐมพยาบาลให้เป็นที่ประจักษ์แก่สายตาสาธารณชน และหน่วยงานที่ต้องการให้อาสายุวกาชาดเหล่านี้ไปช่วยเสริมภารกิจให้เกิดประสิทธิภาพยิ่งขึ้นอีกด้วย โดยการแข่งขันปฐมพยาบาลซึ่งจะจัดขึ้นที่ “สวนสาธารณะสมเด็จพระบรมราชชนนี” อ.เมือง จ.ตรัง ตั้งแต่เวลา 09.00-16.00 น.
การมาร่วมงานชุมนุมของเหล่าอาสายุวกาชาดด้านปฐมพยาบาลจาก 41 อำเภอใน 6 จังหวัดประสบภัยครั้งนี้ นอกจากจะได้มาแสดงความรู้และทักษะด้านปฐมพยาบาลแล้ว ยังจะได้ร่วมกิจกรรม Walk Rally ซึ่งเป็นกิจกรรมที่จะช่วยปลูกฝังความรู้เรื่ององค์กรกาชาดและกาชาดไทยให้อาสายุวกาชาดได้เข้าใจในอุดมการณ์ของการชาด และเกิดจิตอาสา อุทิศตนเพื่อช่วยภารกิจของสภากาชาดไทยและสังคมอย่างเต็มที่ เต็มใจ รวมทั้งจะได้ร่วมกิจกรรมการซ้อมแผนการช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเหตุการณ์ต่างๆซึ่งจัดควบคู่ไปกับการแข่งขันปฐมพยาบาลอีกด้วย ในงานชุมนุมฯครั้งนี้ จึงเป็นการชุมนุมของเหล่าอาสายุวกาชาดด้านปฐมพยาบาล วิทยากรปฐมพยาบาลและผู้บริหารจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กว่า 1,000 คน

ดีพลัดเทรดดิ้ง มอบเงินช่วยผู้ประสบภัยเฮติ


นายอมรศักดิ์ เเดงเเสงทอง รองประธานฝ่ายการตลาด บริษัท ดีพลัดเทรดดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด มอบเงินจำนวนเงิน 10,113.25 บาท เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยเเผ่นดินในเฮติ โดยมี นางนวลจันทร์ จงสวัสดิ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักงานการคลัง เป็นผู้รับมอบ ณ สำนักงานการคลัง ตึกอำนวยนรธรรม สภากาชาดไทย

โรคพิษสุนัขบ้า

ช่วงนี้เป็นช่วงฤดูร้อน โรคที่หนีไม่พ้นที่เตือนให้ระวังกันทุกปี คือ โรคพิษสุนัขบ้า จากข่าวและเหตุการณ์ที่มีให้เห็นบ่อยๆ เนื่องจาก โรคพิษสุนัขบ้าสามารถทำให้ผู้ที่ถูกกัดเสียชีวิตได้ มีอันตรายหรือความน่ากลัวอย่างไรบ้าง ก่อนอื่น มารู้จักกันว่าโรคพิษสุนัขบ้าหรือโรคกลัวน้ำ คืออะไร โรคพิษสุนัขบ้า เป็นโรคที่ร้ายแรงโรคหนึ่ง เกิดจากเชื้อไสรัสชื่อ เรบีส์ ไวรัส ทำให้เกิดโรคได้ในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทุกชนิด เช่น คน สุนัข แมว ลิง ชะนี กระรอก ค้างคาว เมื่อเป็นแล้วจะทำให้มีอาการทางประสาท โดยเฉพาะระบบประสาทส่วนกลาง และทำให้เสียชีวิตทุกราย และในปัจจุบันยังไม่มียารักษาโรคพิษสุนัขบ้าได้คนที่เป็นโรคพิษสุนัขบ้า เนื่องจากได้รับเชื้อพิษสุนัขบ้าจากสัตว์ที่เป็นโรค ซึ่งสามารถติดได้ 2 ทาง คือ 1. ถูกสัตว์ที่เป็นโรคกัด เชื้อไวรัสจากน้ำลายของสัตว์ที่เป็นโรคจะเข้าสู่ร่างกายทางบาดแผลที่ถูกกัด 2. ถูกสัตว์ที่เป็นโรคเลีย โดยปกติถูกสัตว์ที่เป็นโรคเลียจะไม่ติดโรคจากสัตว์เหล่านั้น นอกเสียจากว่าบริเวณที่ถูกเลียจะมีบาดแผล หรือรอยถลอก ขีดข่วน โดยคนนั้นไม่ได้สังเกต ในกรณีนี้จะทำให้สามารถเป็นโรคพิษสุนัขบ้าได้ รวมทั้งถูกเลียที่ริมฝีปาก หรือนัยน์ตาคนที่เป็นโรคพิษสุนัขบ้า จะมีอาการ ในระยะ 2-3 วันแรก อาจมีไข้ต่ำๆ ต่อไปจะมีอาการเจ็บคอ เบื่ออาหาร อ่อนเพลีย คันหรือปวดแสบปวดร้อนตรงบริเวณแผลที่ถูกกัด ทั้งๆ ที่แผลอาจหายเป็นปกติแล้ว ต่อไปจะมีอาการตื่นเต้นง่าย กระสับกระส่าย ไม่ชอบแสงสว่าง ไม่ชอบลมและเสียงดัง กลืนลำบาก แต่ยังมีสติพูดจารู้เรื่อง และสุดท้ายจะมีอาการชัก เป็นอัมพาต หมดสติและเสียชีวิต เนื่องจากส่วนที่สำคัญของสมองถูกทำลายไปหมดข้อควรปฏิบัติภายหลังถูกสุนัขบ้ากัด หรือสัตว์ที่สงสัยว่าบ้ากัด1. ล้างแผลทันทีด้วยน้ำสะอาด ฟอกสบู่ 2-3 ครั้ง แล้วทาแผลด้วยน้ำยาพีวีดีน (เบตาดีน) หรือแอลกอฮอล์ หรือทิงเจอร์อโอดีน แล้วไปพบแพทย์ทันที2. ถ้าสุนัขตายให้นำซากมาตรวจ ถ้าหากสุนัขไม่ตายให้ขังไว้ดูอาการ 10 วัน ขณะเดียวกันให้รีบไปฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า ส่วนการรักษาทางสมุนไพรหรือแพทย์แผนโบราณไม่สามารถป้องกันโรคได้ ไม่ควรรอดูอาการสุนัข เพราะอาจสายเกินไปที่จะฉีดวัคซีน3. ในกรณีที่ติดตามสัตว์ที่กัดไม่ได้ เช่น เป็นสัตว์ป่า สัตว์จรจัด สัตว์กัดแล้วหนีไปหรือจำสัตว์ที่กัดไม่ได้ จำเป็นต้องรับการฉีดวัคซีน4. ผู้ที่ต้องมารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า คือ มีบาดแผล ไม่ว่าจะเป็นรอยช้ำเขียว หรือมีเลือดไหล แผลถลอก หรือแผลลึก รวมทั้งผู้ที่ถูกสุนัขเลียที่นัยน์ตา ริมฝีปากและผิวหนังที่มีแผลถลอก ส่วนในกรณีที่ถูกเลียผิวหนังที่ไม่มีแผล หรือเพียงแต่อุ้มสุนัขไม่สามารถจะติดโรคได้

วันพฤหัสบดีที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2553

วิทยาลัยพยาบาลสภากาชาดไทยจัดประชุมวิชาการเนื่องในโอกาสครบรอบ 96 ปี

วิทยาลัยพยาบาลสภากาชาดไทย ขอเชิญพยาบาล ศิษย์เก่าพยาบาลและประชาชนผู้สนใจเข้าร่วมประชุมวิชาการ เนื่องในโอกาสครบรอบ 96 ปี วิทยาลัยพยาบาลสภากาชาดไทย เรื่อง "มิติจิตวิญญาณเพื่อดุลยภาพแห่งชีวิต" ระหว่างวันที่ 14-16 มิถุนายน 2553 ณ โรงแรมตวันนา กรุงเทพฯ หลักสูตรในการประชุมนี้ได้รับการรับรองหน่วยคะแนนการศึกษาต่อเนื่อง สาขาการพยาบาลศาสตร์ (CNEU) จากสภาการพยาบาล ติดต่อขอรายละเอียดเพิ่มเติมที่ ศูนย์การศึกษาต่อเนื่อง วิทยาลัยพยาบาลสภากาชาดไทย โทรศัพท์ 0 2256 4092-9 ต่อ 414 หรือ ดาวน์โหลดแบบฟอร์มใบสมัคร จาก http://www.trcn.ac.th

วันอังคารที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2553

แล้งนี้ไม่แล้งน้ำใจ ด้วยการให้โลหิต บรรเทาภาวะโลหิตขาดแคลนช่วงฤดูร้อน

สภากาชาดไทย ขอเชิญชวนบริจาคโลหิต ในโครงการ "แล้งนี้ไม่แล้งน้ำใจ ด้วยการให้โลหิต" บรรเทาภาวะโลหิตขาดแคลนช่วยฤดูร้อน และสำรองโลหิตให้ผู้ป่วยช่วงหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ ผู้บริจาคโลหิตในโครงการตั้งแต่บัดนี้ - 30 เมษายน 2553 ณ ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ และในงานกาชาด สวนอัมพร ระหว่างวันที่ 30 มีนาคม - 7 เมษายน 2553 พร้อมรับมอบวัตถุมงคล เหรียญหลวงพ่อคูณ

แพทย์หญิงสร้อยสอางค์ พิกุลสด ผู้อำนวยการศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทยเปิดเผยว่า ในช่วงฤดูร้อน มีนาคม -เมษายน ของทุกปี จำนวนผู้มาบริจาคโลหิตลดลง เนื่องจากผู้บริจาคโลหิตซึ่งเป็นกลุ่มนักเรียน นักศึกษา ร้อยละ 25 อยู่ในช่วงปิดภาคเรียน ทำให้ปริมาณโลหิตที่เคยได้รับบริจาคจากกลุ่มดังกล่าวลดลง ส่งผลให้การจัดหาโลหิตของศูนย์บริการโลหิตฯ ไม่เป็นไปตามเป้า คือแต่ละวันต้องได้รับโลหิตจากผู้บริจาค 1,500 ยูนิต ขึ้นไป อีกทั้งในช่วงเดือนเมษายน จะมีวันหยุดหลายวันในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ประชาชนส่วนใหญ่จะเดินทางกลับภูมิลำเนา และท่องเที่ยวในต่างจังหวัด ส่งผลให้มีผู้มาบริจาคโลหิตลดลงอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ จึงได้จัด โครงการ "แล้งนี้ไม่แล้งน้ำใจ ด้วยการให้โลหิต" รณรงค์ให้ประชาชนร่วมบริจาคโลหิต เพื่อบรรเทาภาวะการขาดแคลนโลหิตในช่วงเวลาดังกล่าว และเตรียมพร้อมสำรองเลือดให้แก่ผู้ป่วย ในช่วงวันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ 13 - 18 เมษายนนี้ ซึ่งทุกวันยังคงมีความต้องการใช้โลหิต เนื่องจากยังมีผู้ป่วยในโรงพยาบาลต่างๆ อีกเป็นจำนวนมากที่ต้องได้รับโลหิตในการรักษา

จึงขอเชิญชวนให้ประชาชนบริจาคโลหิตในโครงการฯ ตั้งแต่บัดนี้ - 30 เมษายน 2553 ณ ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ และหน่วยรับบริจาคโลหิตในงานกาชาด ระหว่างวันที่ 30 มีนาคม - 7 เมษายน 2553 ณ บริเวณอาคารใหม่ สวนอัมพร โดยผู้บริจาคโลหิตในโครงการฯ จะได้รับมอบวัตถุมงคล "เหรียญหลวงพ่อคูณ" เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ทุกท่าน สอบถามรายละเอียดได้ที่ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ โทร 0 22639600-99 ต่อ 1101, 1760 หรือติดต่อศูนย์บริการข้อมูลทางโทรศัพท์ สภากาชาดไทย โทร 1664