The Thai Red Cross Society
วันเสาร์ที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2553
สภากาชาดไทยเตรียมแผนปฏิบัติการประจำปี 2555 ทุกหน่วยงานต้องบูรณาการเพื่อส่งต่อเป้าหมายผลผลิตให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์
เมื่อเร็วๆนี้ สภากาชาดไทย โดยสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ สำนักงานบริหาร สภากาชาดไทย จัดให้มีการประชุมหารือขั้นตอนการเจรจาเป้าหมาย ของผลผลิตสภากาชาดไทย เพื่อจัดทำแผนปฏิบัติการประจำปีงบประมาณ 2555 ขึ้น โดยมีผู้บริหาร คณะทำงานยุทธศาสตร์และแผนฯ และเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานด้านแผนและงบประมาณของสภากาชาดไทย จำนวน 106 คน เข้าร่วมรับฟัง ณ ห้องประชุมศิริ สิริโยธิน อาคารเฉลิม บูรณะนนท์ ชั้น 4 โดย ผู้ช่วยเลขาธิการสภากาชาดไทยฝ่ายจัดการทรัพย์สิน นายประวิทย์ คล่องวัฒนกิจ เป็นประธานเปิดประชุม ซึ่งการจัดประชุมดังกล่าว เพื่อให้เป็นไปตามกระบวนการพัฒนาระบบบริหารจัดการด้านงบประมาณและแผนตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการที่เกี่ยวข้อง กับการทำแผนปฏิบัติการ สภากาชาดไทย
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. วีรสิทธิ์ สิทธิไตรย์ ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ สำนักงานบริหาร สภากาชาดไทย ได้กล่าวถึงความสำคัญในการประชุมครั้งนี้ว่า การทำแผนปฏิบัติงานในปีงบประมาณ 2555 สภากาชาดไทยมุ่งสู่การบูรณาการ การทำงานร่วมกัน ซึ่งจะส่งต่อผลผลิตของสภากาชาดไทย ดังนั้นขั้นตอนแรกที่ต้องดำเนินการเพื่อให้ สามารถจัดทำแผนและงบประมาณ แบบมุ่งเน้นผลงานตามยุทธศาสตร์อย่างแท้จริง นอกจากจะทบทวนผลการดำเนินงานที่ผ่านมาแล้ว การเจรจาเป้าหมายของผลผลิตสภากาชาดไทยที่หน่วยงานจะนำส่งมีความสำคัญ โดยจะเป็นการเจรจาก่อนที่หน่วยงานจะดำเนินการจัดทำแผนปฏิบัติการประจำปี 2555 ซึ่งผลที่ได้รับคือ ผลงานของหน่วยงานที่จะนำส่ง เป็นผลผลิตตามยุทธศาสตร์ของสภากาชาดไทยโดยตรง โครงการที่หน่วยงานจัดทำ ทั้งที่เป็นโครงการพัฒนา หรือเป็นงานประจำ จะมุ่งเน้นให้เกิดผลผลิตตามที่ได้มีการเจรจาตกลงกันไว้ งบประมาณที่เสนอไปและได้รับมาจะมาสนับสนุนโครงการพัฒนา และงานประจำที่มุ่งเน้นให้เกิดผลผลิตตามที่ได้ตกลงไว้ อีกทั้งงบประมาณที่ได้รับของแผนปฏิบัติงานฉบับขาขึ้นและขาลง จะใกล้เคียงกัน ดังนั้นการประชุมครั้งนี้เพื่อรับทราบขั้นตอนการเจรจาและทำแผนปฏิบัติงาน นับแต่วันที่จัดประชุมไป สำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ จะใช้เวลา30 วันให้เสร็จกระบวนการทั้งหมดในการทำแผนปฏิบัติงานประจำปี 2555 โดยให้หน่วยงานนัดหมายช่วงการเจรจา และส่งแผนปฏิบัติงานของหน่วยงานให้เสร็จสิ้นภายใน 26 พฤศจิกายน 2553 หลังจากนั้นสำนักนโยบายฯ จะทำการรวบรวม วิเคราะห์ ปรับปรุง และสรุปร่างแผนปฎิบัติการทั้งหมด เพื่อหารือเรื่องงบประมาณกับสำนักงานการคลังต่อไป สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ สภากาชาดไทย โทร 0 2251 7858-9 ต่อ 2115 หรือ psd [dot] trc [at] gmail [dot] com
วันเสาร์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2553
11 กันยายน 2553 วันปฐมพยาบาลโลก
องค์การกาชาดสากล กำหนดให้วันเสาร์ที่ 2 ของเดือนกันยายน ของทุกปี เป็นวัน ปฐมพยาบาลโลก (World First Aid Day) เพื่อรณรงค์ให้ประชาชนมีความรู้ ความเข้าใจด้านการปฐมพยาบาลและพัฒนาต่อเนื่อง จนมีความสามารถ มีความมั่นใจในการปฐมพยาบาลอย่างถูกวิธี โดยองค์การกาชาดสากล ตั้งเป้าหมายไว้ว่า ความรู้เรื่องการปฐมพยาบาลควรเข้าถึงประชาชนทุกกลุ่ม และควรจัดให้มีการฝึกอบรมด้านการปฐมพยาบาลอย่างต่อเนื่องและครอบคลุมทุกพื้นที่ โดยเฉพาะในแต่ละครอบครัวควรมีมีผู้ที่มีความรู้เรื่องการปฐมพยาบาลอย่างน้อย 1 คน และมุ่งเน้นไปในครอบครัวที่มีผู้ป่วยโรคหัวใจ มีผู้สูงอายุ หรือมีผู้พิการอยู่ในบ้าน
สำหรับสภากาชาดไทย ได้ให้ความสำคัญในเรื่องการปฐมพยาบาลมาโดยตลอด โดยจัดให้มีการฝึกอบรมให้ความรู้เรื่องการปฐมพยาบาลกับอาสาสมัคร ประชาชน และเยาวชน โดยให้ศูนย์ฝึกอบรมปฐมพยาบาลและสุขภาพอนามัยสภากาชาดไทย สำนักงานอาสากาชาด สำนักงานยุวกาชาด และสำนักงานบรรเทาทุกข์และประชานามัยพิทักษ์ จัดอบรมและทำเป็นหลักสูตรสำหรับผู้ที่เข้ามาเป็นอาสาสมัครของสภากาชาดไทย
และวันปฐมพยาบาลโลกปีนี้ ซึ่งตรงกับวันที่ 11 กันยายน 2553 สภากาชาดไทย ขอเชิญชวนประชาชนทุกคน ได้ตระหนักถึงความสำคัญเรื่องการปฐมพยาบาล โดยทุกครัวเรือนควรมีผู้ได้รับการฝึกการอบรมอย่างน้อย 1 คน ผู้ที่สนใจเข้ารับการฝึกอบรมปฐมพยาบาล สามารถสอบถามได้ที่ศูนย์บริการข้อมูลทางโทรศัพท์สภากาชาดไทย หมายเลข 1664 หรือ ติดต่อศูนย์ฝึอบรมปฐมพยาบาล ฯ หมายเลข 0 22564041-2
สภากาชาดไทยจับมือสภากาชาดอิตาลี ทำโครงการเสริมสร้างความสัมพันธ์ภายในครอบครัวผู้ติดเชื้อเอชไอวี (Mom Tells…Mom Loved)
สภากาชาดไทย โดยศูนย์วิจัยโรคเอดส์ ร่วมกับ สภากาชาดอิตาลี จัดทำโครงการเสริมสร้างสัมพันธภาพภายในครอบครัว เพื่อเตรียมความพร้อมในการเปิดเผยผลเลือดเอชไอวีของพ่อแม่ลูกในครอบครัวที่ได้รับผลกระทบจากเอชไอวี ใช้ชื่อโครงการว่า Mom Tells….Mom Loved ตลอดระยะเวลาโครงการ 2 ปีครึ่ง ตั้งแต่ กรกฎาคม 2553-ธันวาคม 2555 กลุ่มเป้าหมายคือผู้ติดเชื้อเอชไอวี และสมาชิกครอบครัวที่ได้รับผลกระทบจากโรคเอดส์ ของศูนย์วิจัยโรคเอดส์ สภากาชาดไทย และโรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา ประมาณ 400 ครอบครัว (800 คน) และอาสาสมัครที่ได้รับการฝึกอบรมทักษะการสื่อสารในครอบครัวผู้ติดเชื้อ และภาคีเครือข่ายดูแลรักษาครอบครัวผู้ติดเชื้ออีก 800 คน โดยใช้งบประมาณสนับสนุนจากสภากาชาดอิตาลีมากกว่า 4 ล้านบาท ทั้งนี้ได้จัดให้มีการลงนามบันทึกข้อตกลงการให้ความร่วมมือขึ้น ระหว่าง นายแผน วรรณเมธี เลขาธิการสภากาชาดไทย และ Mr. Pino Ungaro ผู้แทนสภากาชาดอิตาลี ในวันจันทร์ที่ 13 กันยายน 2553 เวลา 10.00 น ณ ห้องประชุมเล็กชั้น 9 อาคารเทิดพระเกียรติสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ ถนนอังรีดูนังต์
ศาสตราจารย์กิตติคุณนายแพทย์ประพันธ์ ภาณุภาค ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยโรคเอดส์ สภากาชาดไทย ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับโครงการ Mom Tells…Mom Loved ไว้ว่าปัญหาการบอกผลเลือดเอชไอวีของผู้ติดเชื้อต่อสมาชิกในครอบครัวเป็นเรื่องยาก สร้างแรงกดดันให้กับผู้ติดเชื้อที่ต้องเผชิญปัญหาคนเดียวมานาน แต่ปัจจุบันทั้งในและต่างประเทศ ได้มีการศึกษาวิจัยเพื่อพัฒนากระบวนการเตรียมความพร้อม และการสื่อสารภายในครอบครัวเพื่อเปิดเผยผลเลือดเอชไอวีของพ่อแม่ลูก ด้วยเหตุนี้ สภากาชาดไทย โดยศูนย์วิจัยโรคเอดส์ ร่วมกับภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดทำโครงการเสริมศักยภาพในการพัฒนาทักษะการสื่อสารและพัฒนาคุณภาพชีวิตของพ่อแม่ลูก ในครอบครัวที่ได้รับผลกระทบจากเอชไอวี โดยการทำกิจกรรมกลุ่มสัมพันธ์และกิจกรรมค่ายสัมพันธ์ในการส่งเสริมทักษะในการสื่อสารระหว่างครอบครัว เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตครอบครัวผู้ติดเชื้อเอชไอวีให้ดีขึ้นเป็นเวลา 1 ปี และติดตามผลอย่างต่อเนื่องทุก 3 เดือน เพื่อให้ได้กระบวนการ รูปแบบ วิธีการการเตรียมความพร้อมครอบครัวที่ต้องรับรู้การติดเชื้อเอชไอวี และรู้วิธีที่จะใช้ชีวิตเช่นบุคคลทั่วไป เป็นเบื้องต้น ก่อนจะเริ่มเข้าสู่ โครงการ Mom Tells…Mom Loved ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างสภากาชาดไทย และสภากาชาดอิตาลี โดยมีกลุ่มเป้าหมายคือครอบครัวที่คัดเลือกเข้าร่วมในโครงการฯ จำนวน 400 ครอบครัว และอาสาสมัครจำนวน 800 คน กิจกรรมในโครงการฯ คือ การสำรวจความพร้อม และปัจจัยที่มีผลต่อการเปิดเผยผลเลือดเอชไอวี การเสริมสร้างสัมพันธภาพภายในครอบครัว กิจกรรมฝึกทักษะการเปิดเผยผลเลือดแก่เจ้าหน้าที่ เพื่อเป็นการสร้างวิทยากรแกนนำต่อไป กิจกรรมกลุ่มสัมพันธ์สำหรับผู้ติดเชื้อเอชไอวีและสมาชิกในครอบครัว เช่นกิจกรรมเพื่อนช่วยเพื่อน กิจกรรมแลกเปลี่ยนประสบการณ์ รวมไปถึงการสัมภาษณ์เชิงลึกเพื่อเป็นการประเมินทัศนคติ และความพร้อมของพ่อแม่ในการเปิดเผยผลเลือดเอชไอวี นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมค่ายสัมพันธ์ เพื่อเน้นด้านการสื่อสารภายในครอบครัว
ศ.กิตติคุณประพันธ์ฯ ยังได้กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า โครงการ Mom Tells…Mom Loved จะทำให้สัมพันธภาพในครอบครัวผู้ติดเชื้อเอชไอวีดีขึ้น ทั้งในด้านทัศนคติ และคุณภาพชีวิต ได้ผลิตบุคลากรแกนนำที่มีทักษะการเป็นผู้ประสานงานให้ความช่วยเหลือผู้ติดเชื้อเอชไอวีได้อย่างมีประสิทธิภาพ และนำความรู้ที่ได้รับไปใช้อย่างต่อเนื่อง ทำให้มีคู่มือกระบวนการและรูปแบบการเปิดเผยผลเลือดที่มีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังจะขยายผลของโครงการฯ ไปยังภาคีเครือข่าย ได้แก่สถานพยาบาลที่มีการดูแลรักษาผู้ติดเชื้อ โดยเฉพาะที่มีการดูแลทั้งครอบครัวทั้งในและต่างประเทศ สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ศูนย์วิจัยโรคเอดส์ สภากาชาดไทย โทรศัพท์ 0 2256 4107-9 ต่อ 404 , 415 หรือที่ศูนย์บริการข้อมูลทางโทรศัพท์ สภากาชาดไทย 1664
วันพฤหัสบดีที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2553
70 ปี อาสากาชาด ต้นฉบับจิตอาสาผู้ทำคุณประโยชน์ต่อสังคมไทย
ศาสตราจารย์กิตติคุณ นายแพทย์ดำรง เหรียญประยูร ผู้อำนวยการสำนักงานอาสากาชาด สภากาชาดไทย และประธานคณะกรรมการจัดงาน 70 ปี ของการสถาปนาสำนักงานอาสากาชาด สภากาชาดไทย กล่าวถึง รายละเอียดในงานดังนี้ ตั้งแต่เวลา 08.00 – 16.00 น. ช่วงเช้ามีการบรรยายพิเศษ เรื่อง “อาสา…ก้าวหน้า ก้าวไกล” โดย ศาสตราภิชาน นายแพทย์พิชิต สุวรรณประกร รองประธานมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย และเวลา 10.30 น. ขอเชิญเฝ้ารับเสด็จ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ เป็นองค์ประธานในงาน “70 ปี ของการสถาปนาสำนักงานอาสากาชาด สภากาชาดไทย” และประทานโล่เชิดชูเกียรติอาสากาชาดผู้ทำคุณประโยชน์ให้กับกิจการต่างๆ ของสภากาชาดไทย นอกจากนี้ มีการจัดแสดงนิทรรศการโครงการต่างๆ ที่พัฒนาคุณภาพชีวิต ให้กับเด็ก ผู้สูงอายุ ผู้ด้อยโอกาส และการปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือสังคมตลอดระยะเวลา 70 ปี ของสำนักงานอาสากาชาดแล้ว ยังให้บริการตรวจสุขภาพโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ทำนายโชคชะตาราศี ประมูลของรักของหวงคนดัง จับสลากรางวัล และการจำหน่ายสินค้าในราคาถูกอีกด้วย
สภากาชาดไทย เป็นหน่วยงานที่มีบทบาทในการบำบัดทุกข์บำรุงสุขราษฎรที่ได้รับความเดือดร้อนโดยยึดหลักการปฏิบัติงานตามหลักกาชาดสากล คือ มีความเป็นกลาง ไม่เลือกชนชั้น วรรณะ ลัทธิศาสนา หรืออุดมการณ์ทางการเมือง เป็นการปฏิบัติงานเพื่อมนุษยธรรม สร้างความมั่นคงให้กับผู้ด้อยโอกาส ทั้งในยามสงครามและยามปกติ และยังมีหลักการที่สำคัญอีกประการหนึ่ง คือ ทำงานด้วยความเสียสละ ทั้งเวลา กำลังกาย และกำลังปัญญา ของอาสาสมัครที่เรียกว่า อาสากาชาด นับตั้งแต่ที่สภากาชาดไทยได้ก่อกำเนิดขึ้น จวบจนปัจจุบันรวมระยะเวลา 117 ปี ที่ได้ดำเนินงานตามหลักการที่กล่าวข้างต้น และได้ก่อตั้งหน่วยงานอาสาสมัครที่เรียกว่า กองอาสากาชาด ขึ้นอย่างเป็นทางการตั้งแต่ปี พ.ศ. 2483 จนต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็น สำนักงานอาสากาชาด ในปี 2539 และได้ครบรอบ 70 ปี ในวันที่ 1 สิงหาคม 2553 โครงการต่างๆ ที่สำนักงานอาสากาชาด สภากาชาดไทย จัดทำขึ้นเพื่อมุ่งสู่คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของเยาวชน ผู้ด้อยโอกาสและผู้สูงอายุ อาทิ โครงการอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย ในการช่วยเหลือผู้ประสบภัย อาทิ บ้านประกอบสำเร็จ ชั่วคราวต้นแบบเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ที่สามารถสร้างที่อยู่อาศัยแบบชั่วคราวให้ผู้ประสบภัยได้ทั่วประเทศ
โครงการฟื้นฟูอาชีพผู้ประสบอุทกภัยต้นแบบเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ตามแนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียง ให้ผู้ประสบภัยทำเกษตรกรรม ผลิตอาหารและลดภาระค่าใช้จ่ายในครัวเรือนได้ภายใน 45 วัน และเมื่อมีการประสบภัยอื่นยังสามารถพึ่งพาตนเองให้ฟื้นฟูสู่สภาพปกติ ได้ด้วยตนเอง โครงการอาสากาชาดฟื้นฟูสุขภาพถึงบ้าน ช่วยเหลือผู้ป่วยที่อยู่โรงพยาบาลให้สามารถกลับบ้านได้เร็วขึ้น ด้วยการติดตามไปรักษาต่อถึงบ้าน โครงการโรงเรียนต้นแบบมาตรฐานระบบการต้านยาเสพติด สร้างเกราะป้องกันเด็กนักเรียนไม่ให้ติดยาเสพติด ซึ่งได้ริเริ่ม “โครงการเพื่อนเตือนเพื่อน” จนขยายขอบข่ายมากขึ้น และจัดตั้ง “โครงการอาสากาชาดนักเรียนแกนนำต้านภัยยาเสพติด” เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 72 พรรษา ในปี พ.ศ. 2544 และปัจจุบันได้มีการจัดทำ โครงการพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารเพื่อพัฒนากิจกรรมคุณภาพต้านยาเสพติด โดยมีโครงการย่อยสนับสนุนหลายโครงการ เพื่อเชื่อมโยงแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกัน อีกทั้งยังขยายเครือข่ายเพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่มากยิ่งขึ้น เพื่อป้องกันเยาวชนของชาติไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของยาเสพติด อันจะส่งผลต่อการพัฒนาประเทศชาติในอนาคต
ผู้ที่สนใจงานอาสาสมัคร ต้องการช่วยเหลืองานของสภากาชาดไทย สามารถสมัครเป็นอาสากาชาดภายในงานได้อีกด้วย สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ที่สำนักงานอาสากาชาด สภากาชาดไทย โทรศัพท์ 0-2256-4427-9 และ 0-2256-4290
สภากาชาดไทย เป็นหน่วยงานที่มีบทบาทในการบำบัดทุกข์บำรุงสุขราษฎรที่ได้รับความเดือดร้อนโดยยึดหลักการปฏิบัติงานตามหลักกาชาดสากล คือ มีความเป็นกลาง ไม่เลือกชนชั้น วรรณะ ลัทธิศาสนา หรืออุดมการณ์ทางการเมือง เป็นการปฏิบัติงานเพื่อมนุษยธรรม สร้างความมั่นคงให้กับผู้ด้อยโอกาส ทั้งในยามสงครามและยามปกติ และยังมีหลักการที่สำคัญอีกประการหนึ่ง คือ ทำงานด้วยความเสียสละ ทั้งเวลา กำลังกาย และกำลังปัญญา ของอาสาสมัครที่เรียกว่า อาสากาชาด นับตั้งแต่ที่สภากาชาดไทยได้ก่อกำเนิดขึ้น จวบจนปัจจุบันรวมระยะเวลา 117 ปี ที่ได้ดำเนินงานตามหลักการที่กล่าวข้างต้น และได้ก่อตั้งหน่วยงานอาสาสมัครที่เรียกว่า กองอาสากาชาด ขึ้นอย่างเป็นทางการตั้งแต่ปี พ.ศ. 2483 จนต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็น สำนักงานอาสากาชาด ในปี 2539 และได้ครบรอบ 70 ปี ในวันที่ 1 สิงหาคม 2553 โครงการต่างๆ ที่สำนักงานอาสากาชาด สภากาชาดไทย จัดทำขึ้นเพื่อมุ่งสู่คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของเยาวชน ผู้ด้อยโอกาสและผู้สูงอายุ อาทิ โครงการอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย ในการช่วยเหลือผู้ประสบภัย อาทิ บ้านประกอบสำเร็จ ชั่วคราวต้นแบบเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ที่สามารถสร้างที่อยู่อาศัยแบบชั่วคราวให้ผู้ประสบภัยได้ทั่วประเทศ
โครงการฟื้นฟูอาชีพผู้ประสบอุทกภัยต้นแบบเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ตามแนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียง ให้ผู้ประสบภัยทำเกษตรกรรม ผลิตอาหารและลดภาระค่าใช้จ่ายในครัวเรือนได้ภายใน 45 วัน และเมื่อมีการประสบภัยอื่นยังสามารถพึ่งพาตนเองให้ฟื้นฟูสู่สภาพปกติ ได้ด้วยตนเอง โครงการอาสากาชาดฟื้นฟูสุขภาพถึงบ้าน ช่วยเหลือผู้ป่วยที่อยู่โรงพยาบาลให้สามารถกลับบ้านได้เร็วขึ้น ด้วยการติดตามไปรักษาต่อถึงบ้าน โครงการโรงเรียนต้นแบบมาตรฐานระบบการต้านยาเสพติด สร้างเกราะป้องกันเด็กนักเรียนไม่ให้ติดยาเสพติด ซึ่งได้ริเริ่ม “โครงการเพื่อนเตือนเพื่อน” จนขยายขอบข่ายมากขึ้น และจัดตั้ง “โครงการอาสากาชาดนักเรียนแกนนำต้านภัยยาเสพติด” เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 72 พรรษา ในปี พ.ศ. 2544 และปัจจุบันได้มีการจัดทำ โครงการพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารเพื่อพัฒนากิจกรรมคุณภาพต้านยาเสพติด โดยมีโครงการย่อยสนับสนุนหลายโครงการ เพื่อเชื่อมโยงแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกัน อีกทั้งยังขยายเครือข่ายเพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่มากยิ่งขึ้น เพื่อป้องกันเยาวชนของชาติไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของยาเสพติด อันจะส่งผลต่อการพัฒนาประเทศชาติในอนาคต
ผู้ที่สนใจงานอาสาสมัคร ต้องการช่วยเหลืองานของสภากาชาดไทย สามารถสมัครเป็นอาสากาชาดภายในงานได้อีกด้วย สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ที่สำนักงานอาสากาชาด สภากาชาดไทย โทรศัพท์ 0-2256-4427-9 และ 0-2256-4290
วันอังคารที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2553
เชิญชวนบริจาคดวงตา เป็นกุศล ในโอกาส 45 ปี ศูนย์ดวงตาสภากาชาดไทย
ศูนย์ดวงตาสภากาชาดไทย จะจัดพิธีบำเพ็ญกุศล เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้ผู้อุทิศดวงตาที่ถึงแก่กรรม เนื่องในวันศูนย์ดวงตาสภากาชาดไทย ประจำปี 2553 โดยมี นายแผน วรรณเมธี เลขาธิการสภากาชาดไทย เป็นประธานในพิธีฯ ในวันอาทิตย์ ที่ 15 สิงหาคม 2553 ตั้งแต่เวลา 09.00 – 12.00 น. ณ อาคารแพทยพัฒน์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย
ศูนย์ดวงตาสภากาชาดไทยได้จัดกิจกรรมบำเพ็ญกุศลนี้ขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยในปีนี้เป็นปีที่ 45 ซึ่ง ผศ.พญ.ลลิดา ปริยกนก ผู้อำนวยการศูนย์ดวงตาฯ จะสรุปรายงานการดำเนินงานปี พ.ศ. 2552 และมีการอ่านประกาศรายนามผู้อุทิศดวงตาที่ถึงแก่กรรมและศูนย์ดวงตาฯ ได้นำไปใช้ประโยชน์แล้วเพื่อเป็นการเชิดชูและประกาศเกียรติคุณ และภายในงานยังมีการรับบริจาคดวงตาสำหรับผู้มีจิตศรัทธาอีกด้วย
ศูนย์ดวงตาสภากาชาดไทยได้จัดกิจกรรมบำเพ็ญกุศลนี้ขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยในปีนี้เป็นปีที่ 45 ซึ่ง ผศ.พญ.ลลิดา ปริยกนก ผู้อำนวยการศูนย์ดวงตาฯ จะสรุปรายงานการดำเนินงานปี พ.ศ. 2552 และมีการอ่านประกาศรายนามผู้อุทิศดวงตาที่ถึงแก่กรรมและศูนย์ดวงตาฯ ได้นำไปใช้ประโยชน์แล้วเพื่อเป็นการเชิดชูและประกาศเกียรติคุณ และภายในงานยังมีการรับบริจาคดวงตาสำหรับผู้มีจิตศรัทธาอีกด้วย
วันเสาร์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ ชวนผู้หญิงไทยใจดี บริจาคโลหิต เนื่องในวันสตรีไทย 1 สิงหาคม
ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย รณรงค์เชิญชวนผู้หญิงไทยใจดี บริจาคโลหิต เนื่องในวันสตรีไทย 1 สิงหาคม 2553 ตั้งแต่เวลา 08.30-15.30 น. ณ ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย ถนนอังรีดูนังต์
แพทย์หญิงสร้อยสอางค์ พิกุลสด ผู้อำนวยการศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ เปิดเผยว่า เนื่องในวันสตรีไทย 1 สิงหาคม ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย ได้จัดกิจกรรมรณรงค์เชิญชวนสตรีไทย ร่วมบริจาคโลหิตในโครงการ “ผู้หญิงไทยใจดี บริจาคโลหิต เนื่องในวันสตรีไทย” ในวันอาทิตย์ที่ 1 สิงหาคม 2553 ตั้งแต่เวลา 08.30-15.30 น. ณ ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย ถนนอังรีดูนังต์ เพื่อเป็นกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ สภานายิกาสภากาชาดไทย เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 78 พรรษา 12 สิงหาคม 2553 และรณรงค์ให้กลุ่มผู้บริจาคโลหิตที่เป็นผู้หญิงบริจาคโลหิตเพิ่มมากขึ้น และบริจาคต่อเนื่องทุกๆ 3 เดือน ซึ่งปัจจุบันสถิติของศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ มีผู้หญิงบริจาคโลหิตประมาณ 51 %
อีกทั้ง เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้หญิงไทยได้ออกมาทำกิจกรรมร่วมกัน ซึ่งจะได้เห็นว่าในปัจจุบันสตรีมีบทบาทมากขึ้น มีความสามารถทัดเทียมผู้ชาย เป็นที่ยอมรับจากสังคม เพราะมีแนวความคิดที่ก้าวหน้า ทันสมัย และสร้างสรรค์ โดยบทบาทด้านหนึ่งที่ควรจะได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติและเป็นแบบอย่างที่ดีในสังคม คือ บทบาทด้านการบริจาคโลหิต ซึ่งถือว่ามีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งในการช่วยเหลือชีวิตเพื่อนมนุษย์ผู้เจ็บป่วย สำหรับผู้ที่บริจาคโลหิตในโครงการ ที่ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ วันที่ 1 สิงหาคม นี้ จะได้รับของที่ระลึกเป็นพิเศษ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ ฝ่ายประชาสัมพันธ์และจัดหาผู้บริจาคโลหิต โทร.0 2256 4300 และ 0 2263 9600-99 ต่อ 1101,1753
1 สิงหาคม ครบรอบ 70 ปีอาสากาชาด ต้นฉบับภารกิจจิตอาสา
วันที่ 1 สิงหาคม 2553 เป็นวันครบรอบ 70 ปี สำนักงานอาสากาชาด ซึ่งเป็นหน่วยงานหนึ่งของสภากาชาดไทย ดำเนินงานตามภารกิจหลักของสภากาชาดไทยด้านคุณภาพชีวิต โดยมีกลุ่มเป้าหมายหลักคือผู้สูงอายุ เด็ก และเยาวชนที่ด้อยโอกาส ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และในวาระครบ 70 ปีของการดำเนินงาน ขอนำเสนอโครงการหนึ่งของสำนักงานอาสากาชาดที่จัดทำขึ้นเพื่อตอบสนองต่อยุทธศาสตร์ของสภากาชาดไทยคือ “โครงการอาสาพัฒนาคุณภาพชีวิตคู่เศรษฐกิจพอเพียง” ซึ่ง ศาสตราจารย์กิตติคุณ นายแพทย์ดำรง เหรียญประยูร ผู้อำนวยการสำนักงานอาสากาชาด ได้กล่าวถึงโครงการฯ นี้ว่า หลักแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง เป็นแนวทางการดำเนินชีวิตที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำรัสให้พสกนิกร ตั้งอยู่บนพื้นฐานของทางสายกลาง และไม่ประมาท โดยคำนึงถึง ความพอเพียง พอประมาณ ความมีเหตุผลของตนเอง เลิกละค่านิยม และพฤติกรรมที่เน้นการบริโภคนิยม ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้และอดออม มีการสร้างภูมิคุ้มกันในตัวเอง โดยใช้ภูมิปัญญาความรู้สร้างสุขภาพกายและจิต ตลอดจนใช้ความรู้และคุณธรรมเป็นพื้นฐานในการดำรงชีวิต ดังนั้นโครงการอาสาพัฒนาคุณภาพชีวิตสู่เศรษฐกิจพอเพียง ของสำนักงานอาสากาชาด จึงเป็นโครงการที่นำความรู้ตามแนวทางพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียง มาใช้โดยการแนะนำจุลินทรีย์ที่มีประสิทธิภาพ หรือ Effective Micro –organism เรียกย่อๆ ว่า อีเอ็ม (EM) มาประยุกต์ใช้ในการผลิตของใช้ในชีวิตประจำวัน เพื่อลดค่าใช้จ่าย และรักษาสิ่งแวดล้อม
จุลินทรีย์ที่มีประสิทธิภาพ หรือ อีเอ็ม คือกลุ่มจุลินทรีย์ที่มีชีวิต ได้จากการใช้เทคนิคทางชีวภาพ รวบรวมจุลินทรีย์ในหมวดสร้างสรรค์ที่มีอยู่ในธรรมชาติมาใช้ประโยชน์ ไม่เป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิต ช่วยปรับสภาพความสมดุลของสิ่งมีชีวิต และสิ่งแวดล้อมให้ดีขึ้น นำไปเพาะขยายได้ จึงได้มีการนำจุลินทรีย์ไปใช้ประโยชน์หลายประการเช่น ด้านการเกษตร ปศุสัตว์ ประมง และด้านสิ่งแวดล้อม สำหรับโครงการอีเอ็ม ของสำนักงานอาสากาชาดนี้ จะมีวัตถุประสงค์ที่นำจุลินทรีย์มีประสิทธิภาพมาใช้ในชีวิตประจำวัน โดยได้นำอีเอ็มมาใช้ในกระบวนการผลิตผลิตภัณฑ์ชีวภาพ 5 ประเภท คือ น้ำหมักชีวภาพ สารไล่แมลง ฮอร์โมนผลไม้ น้ำยาอเนกประสงค์ และยาสีฟันสมุนไพร ซึ่งผลผลิตเหล่านี้ปลอดสารพิษ และสารเคมี ไม่ทำลายธรรมชาติ แต่กลับช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม ได้ผลผลิตสูง มีคุณค่าทางโภชนาการ และผลพลอยได้ที่สำคัญคือ การลดต้นทุนการผลิต ช่วยเหลือด้านเศรษฐกิจและพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้ผลิต และผู้บริโภค ผู้สนใจต้องการเรียนรู้วิธีการทำผลิตภัณฑ์ชีวภาพ หรือต้องการสอบถามข้อมูลรายละเอียด สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ สำนักงานอาสากาชาด โทรศัพท์ 0 22510385, 0 22564583-4 หรือที่ศูนย์บริการข้อมูลทางโทรศัพท์สภากาชาดไทย 1664
จุลินทรีย์ที่มีประสิทธิภาพ หรือ อีเอ็ม คือกลุ่มจุลินทรีย์ที่มีชีวิต ได้จากการใช้เทคนิคทางชีวภาพ รวบรวมจุลินทรีย์ในหมวดสร้างสรรค์ที่มีอยู่ในธรรมชาติมาใช้ประโยชน์ ไม่เป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิต ช่วยปรับสภาพความสมดุลของสิ่งมีชีวิต และสิ่งแวดล้อมให้ดีขึ้น นำไปเพาะขยายได้ จึงได้มีการนำจุลินทรีย์ไปใช้ประโยชน์หลายประการเช่น ด้านการเกษตร ปศุสัตว์ ประมง และด้านสิ่งแวดล้อม สำหรับโครงการอีเอ็ม ของสำนักงานอาสากาชาดนี้ จะมีวัตถุประสงค์ที่นำจุลินทรีย์มีประสิทธิภาพมาใช้ในชีวิตประจำวัน โดยได้นำอีเอ็มมาใช้ในกระบวนการผลิตผลิตภัณฑ์ชีวภาพ 5 ประเภท คือ น้ำหมักชีวภาพ สารไล่แมลง ฮอร์โมนผลไม้ น้ำยาอเนกประสงค์ และยาสีฟันสมุนไพร ซึ่งผลผลิตเหล่านี้ปลอดสารพิษ และสารเคมี ไม่ทำลายธรรมชาติ แต่กลับช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม ได้ผลผลิตสูง มีคุณค่าทางโภชนาการ และผลพลอยได้ที่สำคัญคือ การลดต้นทุนการผลิต ช่วยเหลือด้านเศรษฐกิจและพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้ผลิต และผู้บริโภค ผู้สนใจต้องการเรียนรู้วิธีการทำผลิตภัณฑ์ชีวภาพ หรือต้องการสอบถามข้อมูลรายละเอียด สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ สำนักงานอาสากาชาด โทรศัพท์ 0 22510385, 0 22564583-4 หรือที่ศูนย์บริการข้อมูลทางโทรศัพท์สภากาชาดไทย 1664
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)